วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เสือใต้10คนไล่เจ๊าดอร์ตมุนด์ 1-1 ก่อนถึงนัดชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

การแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกา เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พ.ค. เป็นเกมบิ๊กแมตช์ ระหว่าง“เสือเหลือง” ดอร์ตมุนด์ รองจ่าฝูง เปิดบ้านเจอกับ“เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ที่คว้าแชมป์บุนเดสลีกาฤดูกาลนีไปเรียบร้อยแล้ว
 


 อีกทั้งคู่นี้ เป็นคู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกปีนี้ ซึ่งจะดวลกันที่สนามเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ วันเสาร์ที่ 25 พ.ค. นี้อีกด้วย

 เกมนี้ค่อนข้างเดือด และสนุกตื่นเต้น สมกับเป็นบิ๊กแมตช์ เจ้าถิ่น“เสือเหลือง”เปิดเกมบุกใส่ทักทายก่อน กระทั่งนาที 11 เควิน กรอสส์ครืตซ์ กองกลางชาวเยอรมันมีโอกาสวอลเลย์เต็มเท้า บอลผ่านมือ มานูเอล นอยเออร์ เข้าไปตุงตาข่าย
                        
 กระทั่งนาที 23 มาริโอ โกเมซ หัวหอกเสือใต้ก็โขกตีเสมอได้สำเร็จ เป็นประตูที่ 11 ของดาวยิงทีมชาติเยอรมนีในฤดูกาลนี้

 เกมสองทีมสูสี นาที 66 ดอร์ตมุนด์ได้จุดโทษ แต่โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกตัวเก่งของทีมยิงจุดโทษไม่เข้า นอยเออร์เซฟไว้ได้


 นาที 70 ราฟินญ่า กองหลังบาเยิร์น ได้ใบเหลืองที่สอง จากการตีศอกใส่ จาคุ๊บ บลาสซ์ซูสกี้ โดนไล่ออกจากสนาม
 หลังจากนั้นสองทีมยิงเพิ่มไม่ได้ หมดเวลา ดอร์ตมุนด์ เสมอ บาเยิร์น 1-1 แบ่งทีมละแต้ม
 

 ผลคู่อื่น สตุ๊ตการ์ต แพ้ กรอยเธอร์ ฟืร์ธ 0-2
 ฮันโนเวอร์ เสมอ ไมนซ์ 2-2
 เบรเมน เสมอ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 2-2
 เนิร์นแบร์ก แพ้ เลเวอร์คูเซ่น 0-2
 แฟรงก์เฟิร์ต ชนะ ดุสเซลดอร์ฟ 3-1


 ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ชมพู่-เอมมี่-ไอซ์ ขนของดีโชว์งานชุดชั้นใน (มีคลิป)

   ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

แกเร็ธ เบลยิงฉลองนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีนำชัยสเปอร์เฉือนนักบุญ-ปืนใหญ่ทุบควีนสปาร์ก วัลค็อตต์ทำสถิติพรีเมียร์ลีก ยิงเร็วสุด 20 วินาที

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พ.ค. ทีม“ไก่เดือยทอง” สเปอร์เล่นในสนามไวต์ ฮาร์ตเลน พบ เซาแธมป์ตัน เกมนี้ แกเร็ธ เบล ปีกตัวเก่ง เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 3 ราวัลลงเป็นตัวจริง เกมครึ่งแรกยังทำอะไรกันไม่ได้
                            
                           

 ครึ่งหลัง สเปอร์บุกหนักกว่า แต่แนวรับของเจ้าถิ่นยังต้านทานไว้ได้ กระทั่งนาที 85 เบลโชว์ลีลาความสามารถเฉพาะตัวลากไปยิงหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูชัยให้สเปอร์เก็บ 3 คะแนนได้สำเร็จ ขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ของตาราง เตะ 35 นัด มี 65 คะแนน
                            


 ด้านทีม“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ทำศึกลอนดอนดาร์บี้ แมตช์ กับทีม“ทหารเสือราชินี” ควีนสปาร์ก เรนเยอร์ส ซึ่งตกชั้นไปแล้ว ที่สนามลอฟตัส โรด เกมเริ่มไปได้เพียง 20 วินาที อารอน แรมซีย์ จ่ายบอลให้ธีโอ วัลค็อตต์ ปีกตัวเก่งหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ บอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ทีมขึ้นนำก่อน 1-0

 ถือเป็นลูกยิงที่เร็วที่สุดของพรีเมียร์ ลีกในฤดูกาลนี้ และเป็นประตูที่ 20 ของวัลค็อตต์รวมทุกรายการในฤดูกาลนี้อีกด้วย
                             
 เกมของปืนใหญ่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เปิดเกมบุกใส่ควีนสปาร์ก นาทีที่ 5 วัลค็อตต์มีโกอาสอีก แต่คลินต์ ฮิลล์ กองหลังควีนสปาร์กสกัดไว้ได้
 นาที 16 วัลค็อตต์มีโอกาสยิงอีกครั้ง แต่โรเบิร์ต กรีน ผู้รักษาประตูควีนสปาร์กป้องกันไว้ได้ อาร์เซนอลมีโอกาสหลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายไม่เฉียบคม จบครึ่งแรก อาร์เซนอลนำ 1-0



                             
 ครึ่งหลัง แฮร์รี่ เรดแน็ปป์ กุนซือควีนสปาร์กพยายามกระตุ้นลูกทีมให้ฮึดสู้
 นาที 53 แอนดรอส ทาวน์เซนด์ กองกลางดาวรุ่งลองยิงไกลระยะ 25 หลา แต่วอจเซียค เชสนีย์ ผู้รักษาประตูอาร์เซนอลป้องกันไว้ได้



                             
 ช่วงท้ายเกม ควีนสปาร์กมีลุ้นจากบ๊อบบี้ ซาโมร่า กองหน้าตัวเก่ง และปาร์ก จี ซุง กองกลางชาวเกาหลีใต้ แต่แนวรับอาร์เซนอลช่วยต้านทานไว้ได้ หมดเวลา อาร์เซนอลชนะ 1-0 เก็บ 3 แต้ม แซงสเปอร์ และเชลซี ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของตาราง เตะ 36 นัด มี 67 คะแนน


                               http://www.khaosod.co.th/online/2013/05/13676872181367688022l.jpg

 ด้านทีม“เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ ไปเยือนทีม“หงส์ขาว” สวอนซี ที่สนามลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม เกมนี้ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือแมนฯซิตี้ส่งเซอร์จิโอ อเกโร่ กองหน้าทีมชาติอาร์เจนไตน์ลงเป็นตัวจริง โดยมี เอดิน เซโก้ และคาร์ลอส เตเบซ เป็นแค่ตัวสำรอง เกมของแมนฯซิตี้บุกได้มากกว่า แต่จบสกอร์ไม่ได้ แต่นาที 23 สวอนซีเกือบได้ประตู เมื่อพาโบล เฮอร์นันเดซ กองกลางสวอนซีเปิดบอลเข้ามาหน้าประตู แต่พาโบล ซาบาเลต้าสกัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่จะบอลจะเข้าประตู ครึ่งแรกเสมอกัน 0-0

             

 ครึ่งหลังเกมของทีมเยือนเหนือกว่า แต่แนวรับของสวอนซีก็ต้านทานไว้ได้ จบเกมเสมอ 0-0 แบ่งทีมละแต้ม แมนฯซิตี้ยังอยู่อันดับ 2 เตะ 35 นัด มี 72 แต้ม
              

 ด้านแอสตัน วิลล่า ทีมที่กำลังหนีตกชั้นฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ บุกชนะนอริช 2-1 กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ ยิงคนเดียว 2 ลูกให้วิลล่า ในนาที 55 และ 89 วิลล่าเก็บ 3 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 13 เตะ 36 นัด มี 40 แต้ม แต่ก็ยังต้องลุ้นหนีตกชั้น  ส่วนนอริชได้จากแกรนต์ โฮล์ต สังหารจุดโทษ นาที 74 หมดเวลา วิลล่าเก็บ 3 คะแนนสำคัญ อยู่อันดับ 14 เตะ 36 นัด มี 40 แต้ม


                               
 ส่วนวีแกนซึ่งหนีตกชั้นเช่นกันไปเยือนเวสต์บรอมวิช ผลวีแกนเฉือนชนะ 3-2 เจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำก่อน จากเชน ลอง นาที 29 แต่อารูน่า โคเน่ ตีเสมอนาที 39 จากนั้นเจมส์ แม็คออลีย์ ยิงให้เวสต์บรอมวิชนำอีกครั้ง นาที 50 ก่อนที่เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ จะทวงคืนให้วีแกนนำนาที 58 กระทั่งนาที 80 คัลลัม แม็คมานามานจะยิงประตูชัยให้วีแกนเก็บ 3 แต้ม แต่ยังอยู่อันดับ 18 เตะ 35 นัด มี 35 แต้ม



 ขณะที่นิวคาสเซิลทำได้แค่เสมอ เวสต์แฮม 0-0 ทำให้ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นต่อไป เตะ 36 นัด มี 38 แต้ม


 อีกทีมฟูแล่มเล่นในบ้านแพ้เรดดิ้ง 2-4



ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

สำนักพระราชวังแถลงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงอ่อนเพลีย แพทย์ขอให้ทรงงดพระราชกิจ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 65 มีเนื้อความ ระบุว่า


คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานพระอาการประชวรพระปัปผาสะ (ปอด) อักเสบเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2556 ว่า ผลการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์พบการอักเสบลดลง และบรรทมได้ แต่ยังเสวยพระกระยาหารได้ไม่มาก และยังมีพระอาการอ่อนเพลียอยู่บ้าง คณะแพทย์ฯ ยังคงถวายพระโอสถปฏิชีวนะทางหลอดพระโลหิตต่อไปจนครบตามกำหนด

 คณะแพทย์ฯ จึงได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลฯ ขอให้ทรงงดพระราชกิจสักระยะหนึ่ง จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน  

 สำนักพระราชวัง
 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2556

 ขณะ เดียวกัน เว็บข่าวกรมประชาสัมพันธ์ ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร เสด็จฯ แทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีฉัตรมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เวลา 10.30 น. ในโอกาสนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาโดยเสด็จในการนี้ด้วย
 
 ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ลูกชายเสี่ยโรงปุ๋ย ซิ่งแหกโค้งชนเสาไฟ เพลิงลุกท่วม ดับ 2 สาหัส 1

เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ พ.ค. 56 พ.ต.ท.สมบัติ ฉิมพลี พงส.ผนพ.สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ว่าเกิดเหตุรถยนต์รถเก๋งเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าจนไฟลุกท่วม มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บริเวณริมหน้าร้านเจอดศักดิ์ เซฟทีครัท ถนนแสงชูโต ขาเข้าเมืองกาญจนบุรี ใกล้กับโค้งสี่แยกตลาดชุกโดน ต.บ้านใต้ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบจากนั้นจึงรีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี แพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนา และเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์

 ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ยี่ห้อเก๋งมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีบรอนด์เงิน หมายเลขทะเบียน กจ8534 กาญจนบุรี เปลวเพลิงกำลุกไหม้ท้ายรถ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ และชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ สามารถเร่งช่วยกันนำถังดับเพลิงมาฉีดพ่นสกัดเปลวเพลิงที่ลุกไหม้เอาไว้ได้ โดยมีคนบาดเจ็บติดอยู่ภายในเป็นชายวัยรุ่น ราย เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่ง รพ.พหลพลพยุหเสนาเพื่อช่วยเหลือชีวิตเป็นการเร่งด่วน นอกจากนั้นยังพบผู้เสียชีวิตเป็นชายอยู่ที่เบอะคนขับอีก ราย เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมา

ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายณัฐทวีร์ มาไมตรีจิตร อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/1 หมู่ 1ต.แสนตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สภาพศพนั่งเอียงซ้าย คอหักหมุนได้รอบ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ราย ที่ถูกนำส่ง รพ. ไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อภายหลังคือ นายศิวะ ศุภกาญจน์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 590/1 ซอยริมคลองชักพระ แขวงริมคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กทม. และ นายศิวะกร ลิขิตวรศักดิ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 168/46 ซอยริมคลองชักพระ แขวงริมคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กทม.โดย นายศิวะกร ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วน นายศิวะ ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสคณะแพทย์ต้องรีบนำตัวเข้าไปรักษาในห้องไอซียูอย่างเร่งด่วน
                          
เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้าร้านเจิดศักดิ์ เซฟทีคัท พบว่ารถยนต์เก๋งคันดังกล่าวขับมาจากทางด้านอำเภอท่าม่วง มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี โดยคนขับขับมาด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยกไฟแดงชุกโดน ซึ่งเป็นทางโค้งเล็กน้อย และจุดดังกล่าวเป็นโค้งอันตราย เคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วบ่อยครั้ง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมาแล้วนับไม่ถ้วน จนชาวบ้านเรียกกันว่าโค้งผีสิง ซึ่งดูจากภาพวงจรปิดพบว่ารถยนต์ได้วิ่งมาทางเลนซ้าย จากนั้นคนขับได้เร่งเครื่องแซงรถยนต์ตู้สีขาว และรถยนต์กระบะ ประตู ขึ้นมา ด้วยความเร็วประกอบกับเป็นทางโค้ง จึงทำให้รถเสียการทรงตัว และเสียหลักชนขอบฟุตบาททำให้ตัวรถหมุนเคว้งฟาดกับเสาไฟฟ้าที่อยู่ใกล้กันอย่างแรง ก่อนที่จะมีเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นบริเวณท้ายรถ เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บดังกล่าว ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ไม่มีร่องรอยของบาดแผลที่เกิดจากไฟไหม้แต่อย่างใด
และจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า นายณัฐทวีร์ คนขับที่เสียชีวิตคาที่ เป็นลูกชายของเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ยชื่อดังแห่งหนึ่ง (โรงงานผลิตปุ๋ยสามัคคีธรรม) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอท่าม่วง จ.กาญจนบุรี หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปหาญาติจึงทราบว่า ผู้ตายพร้อมเพื่อนเพิ่งออกจากงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับญาติคนหนึ่ง จากนั้นจึงขอตัวพากันออกไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองกาญจนบุรี แต่ก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน

 ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

‘เคลลี่’ยื่นฟ้องพ่อ‘กรีน เอเอฟ’ แฟนสาว

เมื่อบ่ายวันที่ 4 พ.ค. ที่ ห้างเดอะ ไนน์ พระราม9 ได้มีการถ่ายทอดรายการ 7สีคอนเสิร์ตพิเศษ รวมเด็ดละคร7 สี โดยวันนี้มีบรรดาสื่อมวลชนมาทำข่าวค่อนข้างเมากเนื่องจาก ‘กรีน’ อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล นางเอกสาวจากละครเรื่อง “มายาสีมุก” ที่กำลังมีประเด็นร้อนเนื่องจาก ‘เคลลี่ ธนะพัฒน์’ แฟนหนุ่มได้ยื่นฟ้องคุณพ่อของตนในข้อหาหมิ่ประมาท ซึ่งในวันนี้ ‘เคลลี่’ จะให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นข่าวที่เกิดขึ้น ภายหลังจากจบรายการแล้ว

 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศระหว่างการถ่ายทอดสดว่า ช่วงที่ ‘กรีน’ ร้องเพลงบนเวทีซึ่งเป็นการแสดงชุดสุดท้ายนั้น
‘เคลลี่’ ได้เซอร์ไพรส์เอาดอกไม้ขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับคุกเข่ามอบดอกไม้ให้กับนางเอกสาว ทำเอาแฟนๆที่มาดูการถ่ายทอดสดกรี๊ดลั่น นอกจากนี้ ‘เคลลี่’ ยังแสดงความหวานด้วยการเช็ดเหงื่อให้กับแฟนสาว

 หลังจากที่เสร็จการ ถ่ายทอดสดแล้ว ‘กรีน’ และ ‘เคลลี่’ พร้อมด้วย นายปฏิวัติ พิมาย ทนายความของนักแสดงหนุ่มได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงข่าวที่ออกมา โดย‘เคลลี่’ เผยถึงที่มาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า อย่างแรกเลยที่ตนอยากบอกทุกคนว่ากรณีนี้น้องกรีนถือเป็นคนกลาง ขอให้ตนเป็นฝ่ายตอบคำถามแล้วกัน ถือว่าเป็นเรื่องระหว่างบุคคล2คน อย่ามองในเรื่องของสถานะ สิ่งที่เป็นข่าวทางอินเตอร์เน็ตที่ทุกคนได้อ่านมาขอให้ลืมมันไปเลยเพราะมัน ไม่เป็นความจริง ถ้าถามตนว่ามีหมายศาลจริงหรือเปล่านั้นมีจริงแต่นอกเหนือกจากนั้นข้อมูลที่ ลงตามอินเตอร์เน็ตไม่เป็นความจริงเลยวันนี้ตนจะขอพูดให้น้อยที่สุดสิ่งไหน ที่ตนสามารถตอบได้ก็จะตอบเพราะตนโปร่งใสอยู่แล้ว วันนี้ตนได้พาคุณปฏิวัติ พิมาย ทนายความของตนมาด้วย มีอะไรสอบถามได้

 ทางด้านนายปฏิวัติ พิมาย  ทนายความของ ‘เคลลี่’ ได้เผยว่า ทางคุณพ่อของกรีนได้ให้ทนายความส่งหนังสือมาให้คุณเคลลี่เพื่อข่มขู่อะไรบางอย่าง ทางคุณเคลลี่ก็ต้องมีทนายความเพื่อส่งหนังสือกลับไปเหมือนกัน ซึ่งตนได้ส่งหนังสือไปแล้วบอกทางนั้นไปแล้วให้หยุดการข่มขู่ซึ่งทางฝ่ายนั้นไม่หยุด  ตนก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

 ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงต้นตอปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างคุณพ่อของ‘กรีน’กับ ‘เคลลี่’ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ‘เคลลี่’ เผยว่า ตนอยากบอกว่าสิ่งที่ตนทำไปเพื่อปกป้องสิทธิของตน เพราะที่ผ่านมาตนได้ทำการเจรจากับทางฝ่ายโน้นมาแล้ว

 “จริงๆแล้ว เหตุการณ์นี้ผ่านมาประมาณ10เดือนแล้วนะครับ ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมาผมไม่ได้ พูดอะไรเพราะถือว่าเป็นเรื่องภายในเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาพูด ผมคิดว่าจะไปเคลียร์และตกลงกันโดยดี สำหรับต้นตอและสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมาจริงๆแล้วมันมีรายละเอียด เยอะมาก ต้องรอหลังจากวันที่ 20 พ.ค.ก่อนครับ ตัวผมเองไม่ได้ลึกซึ้งทางด้านกฎหมายและอยากจะบอกว่าน้องกรีนบรรลุนิติภาวะ แล้ว แต่พอมีจดหมายจากทนายความของทางฝ่ายโน้นมาถึงผมมันก็จะมีข้อที่ไม่จริงบ้าง หรือเรื่องของกฎหมายมาข่มขู่หรือบีบบังคับผม เราก็ต้องปรึกษาทางทนายความเหมือนกัน”

 นายปฏิวัติ ทนายความของนักแสดงหนุ่มเผยว่า ตอนนี้คงยังพูดอะไรมากไม่ได้ รอให้วันที่20 พ.ค.ที่ไปขึ้นศาลก่อนดีกว่า ที่ผ่านมาทางฝ่ายนั้นมีหนังสือมาและเขาจะดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งทางคุณเคลลี่ก็ต้องป้องกันสิทธิ์ตามกฎหมายไว้ ทางคุณเคลลี่มาปรึกษาตนและตนก็ได้มีหนังสือไปยังฝ่ายโน้น ตนก็ได้โทรไปคุยกับทางทนายความฝ่ายโน้นซึ่งทางทนายความก็ไม่ยอมหยุด ทางคุณเคลลี่ก็ต้องไปดำเนินการที่ศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของเขา

 ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปว่าที่ทางคุณพ่อของ‘กรีน’ส่งหนังสือมาหา ‘เคลลี่’ใช่เรื่องที่ไม่อยากให้ทั้งคู่คบกันหรือเปล่า นายปฏิวัติ ทนายความของนักแสดงหนุ่มเผยว่า ตรงนี้ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน

 ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงสาเหตุของความบาดหมางระหว่าง ‘เคลลี่’ กับ พ่อของ ‘กรีน’ ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ‘เคลลี่’ เผยว่า ตนไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดจากสาเหตุอะไร อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ตนอยากจะบอกว่าฝ่ายตนมีหลักฐาน

 “ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหรอกครับ ตัวผมเองลำบากใจ น้องกรีนลำบากใจมีความทุกข์ เสียใจ ทำให้กระทบกับการทำงานและการเรียนของน้อง เขาก็หมดกำลังใจ เราก็ต้องอยู่เคียงข้างเขา ตัวผมเองก็นอนไม่หลับเพราะทุกข์ กรีนก็อยู่เคียงข้างผมตลอดที่เกิดรื่องมา ผมอยากจะขอร้องว่าอย่าเพิ่งไปตัดสิน อย่าเพิ่งวิจารณ์ อยากให้ทุกคนรอรับข้อมูลให้ครบก่อน น้องกรีนเป็นคนกลางก็ลำบากใจพอสมควร ผมก็หนักใจไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ที่มาวันนี้ก็อยากบอกกล่าวทุกคนว่ามันเป็นเรื่องระหว่างผมกับทางฝ่ายโน้น ไม่เกี่ยวกับน้องกรีน ถ้ามีอะไรก็ถามผมกับทนายความของผมได้ครับ”

 ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่‘เคลลี่’ยื่นฟ้องคุณพ่อของ ‘กรีน’ ได้มีการพูดคุยกันก่อนหรือเปล่า นายปฏิวัติ ทนายความได้เผยว่า เคยมีการคุยกันแล้ว แต่ทางฝ่ายโน้นไม่ยอมหยุด ทางฝ่ายโน้นมีหนังสือมาให้คุณเคลลี่เกือบ10เดือนแล้ว เขามีหนังสือมาหลายฉบับ ทางคุณเคลลี่รับไว้และไม่ได้โต้ตอบอะไร ล่าสุดตนได้ตอบไปยังทนายความของฝ่ายโน้น แต่ทางฝ่ายโน้นก็ไม่ยอมหยุด คุณเคลลี่มาปรึกษาตน ตนก็เลยบอกว่าดำเนินการทางศาลเลยดีกว่าเรื่องจะได้ยุติเพราะทุกอย่างมันไม่ใช่ความจริง เพราะจดหมายที่ออกมามันเหมือนเป็นการลิดรอนสิทธิ์ของคุณเคลลี่ ต่อว่าต่างๆนานาแต่ในเชิงไหนตนขอให้เป็นวันที่20พ.ค.ขึ้นศาลดีกว่า เขาส่งมาข่มขู่ว่าจะฟ้องหลายฉบับ ซึ่งก็มีการคุยกันหลายครั้งจนครั้งสุดท้ายส่งจดหมายไปให้ทนายความของฝ่ายนั้นก็ไม่หยุด ก็ต้องมีการฟ้องร้องกันในข้อหาหมิ่นประมาท ขึ้นศาลแขวงพระนครเหนือ เวลา 09.00 น. วันที่ 20 พ.ค.

 ‘เคลลี่’ เผยต่อว่า จริงๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานี้เป็นวลา10 เดือนแล้ว ถ้าถามกลัวว่าเรื่องจะยืดเยื้อหรือเปล่านั้น ตนไม่กลัว ตนถือว่าเป็นผู้ใหญ่กันแล้วน่าจะไปคุยและตกลงเจรจากันได้

 อย่างที่ ผมบอกมันมีเหตุผลว่าทำไมเรื่องไปถึงศาลเพราะผมได้รับจดหมายมาจากทนายความ ฝ่ายโน้นและมีเรื่องกฎหมายมาเกี่ยวข้องผมไม่ได้เรียนกฎหมายมาและไม่ใช่ทนาย ความ ผมจำเป็นต้องปรึกษาทนายความและผมพูดไว้เลยว่าสิ่งที่ผมต้องการไม่ได้เกี่ยว ข้องกับทรัพย์สินเงินทอง ผมต้องการให้เขาหยุดครับ ขอร้องให้เขาหยุดข่มขู่และต้องการให้เขาขอโทษ ซึ่งทางฝ่ายนั้นมีจดหมายไปถึงทางช่อง7 และบริษัทอื่นๆที่ผมเคยร่วมงานด้วย สิ่งเดียวที่ผมต้องการจากเขาคือหยุดได้ไหมครับ คุยกันดีๆก็ได้ทำไมต้องมีเรื่องกฎหมายและต้องมีจดหมายข่มขู่ ผมก็รู้สึกเครียด ถ้าเขาหยุดและจบและจะขอโทษเราในรูปแบบไหนก็ได้ ผมพร้อมจะยกฟ้องคดีเลยครับ แค่นี้เลยครับผมก็พร้อมที่จะจบ จริงเรื่องขอโทษคืออันดับรองด้วยซ้ำ ผมต้องการให้เขาหยุดครับ

 ผมอยู่ในวงการบันเทิงมา10กว่าปีแล้ว กว่าจะสร้างชื่อเสียง ผลงานออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย ผมไม่เคยมีเรื่องเสียหายและวันหนึ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาซึ่งมีเรื่องกฏหมาย ผมคิดว่าถ้าผมไม่ปกป้องสิทธิของตนเองก็คงไม่จบ เพราะทางฝ่ายนั้นก็ยืนยันว่าจะไม่จบ แต่ถ้าผมมาปกป้องสิทธิของตนเองก็ต้องเอาชื่อเสียงที่ผมสร้างมา มาเสี่ยงกับความเสียหายครั้งนี้ก็เท่ากับเสีย แต่ผมเชื่อในความยุติธรรม,เชื่อในความดี,เชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง ผมเชื่อในพระเจ้าและผมเชื่อในความรัก ผมถึงต้องทำแบบนี้ครับ

 ผู้สื่อข่าวสอบถาม ‘กรีน’ ในฐานะของคนกลางได้คุยกับคุณพ่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือยัง ‘กรีน’ เผยว่า ตนยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณพ่อเลย เพราะตนทำงานและเรียนอย่างเดียว ตนยอมรับว่าลำบากใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก

 “กรีนอยากให้ทุกคนให้โอกาสกันและกันมากกว่า คือเรารักกันอยู่แล้วแต่อาจจะมีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน อยากให้ลองให้โอกาสกันและกัน หันมาคุยกันกรีนว่าน่าจะดีกว่า กรีนขอร้องเลยว่าอย่าทำแบบนี้ หยุดที่จะทำแบบนี้เถอะอย่างที่พี่เคลลี่บอก เราไม่ได้เข้าข้างใครฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่อยากให้โอกาสทั้งโอกาสกับพี่เคลลี่(น้ำเสียงเครือ) โอกาสในตัวกรีนและตัวเขาเองด้วย”

 ‘เคลลี่’ เสริมว่า จริงๆอย่างที่ตนต้องการให้เขาหยุดและต้องการคุยกันเฉยๆ ถ้าถามว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่าก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ลำบากใจ แต่มันเป็นเรื่องผู้ใหญ่สองคนมานั่งคุยกันและสามารถตกลงกันได้ มันไม่น่าจะเป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรงที่ทั้งสองฝ่ายจะมาคุยกันและตกลงกันได้ มันไม่น่าจะเป็นอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรง

 “ผมยืนยันคือต้องการให้เขาหยุด และสิ่งที่สองคือต้องการให้เขาขอโทษและชี้แจงไปถึงแต่ละฝ่ายที่เขาส่งจดหมายไป เพราะไม่รู้ว่ามีผลกระทบอย่างไรบ้าง บางคนอาจจะไม่รู้จักผมและไม่รู้ว่าเขาอ่านจดหมายแล้วจะคิดอย่างไรกับผม ผมต้องปกป้องสิทธิของเราด้วย”

  ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปว่าในส่วนความสัมพันธ์ทั้งคู่จะเป็นอย่างไร ถ้าเกิดว่าคุณพ่อของ ‘กรีน’บอกว่าจะหยุดแต่ขอให้ทั้งคู่เลิกกัน ‘เคลลี่’ เผยว่า เรื่องนี้ตนได้พูดคุยกับกรีนมาแล้วว่ามันมีทางออกคือ ต้องเลิกกัน

 “อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าคนเราสองคนกว่าจะมาเจอกัน รู้จักกันและมารักกันได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย อยู่ดีๆจะมาให้เลิกคบก็เป็นเรื่องที่ลำบาก การที่คนสองคนมาคบกันหรือเลิกกัน ผมว่ามันเป็นสิทธิของคนสองคน มันเป็นการตัดสินใจของสองคนนั้น ไม่ใช่ให้ใครมาบีบบังคับ ไม่อย่างนั้นคุณจะเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้”

                                                ‘กรีน’ เผยว่า ตนขอให้เรื่องมันเกิดขึ้นก่อนแล้วถึงจะตอบ ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น ขอเอาเรื่องที่มันเป็นปัจจุบันดีกว่า

 “เรื่องราวปัญหาที่เกิดขึ้น กรีนยังไม่ได้คุยกับคุณแม่เหมือนกันค่ะเพราะมัวแต่ทำงานตอนนี้มายาสีมุกก็ ถ่ายไปออกอากาศไปก็แทบไม่มีเวลาว่างคุยกับใครเลยรู้ข่าวนี้จากทางเออาร์ของ ทรู แฟนเทเชีย ด้วยซ้ำถึงได้ตกกใจไม่ได้รู้มาจากทางครอบครัว ตัวกรีนอยากให้ปัญหาต่างๆมันจบเลยแต่คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ อยากให้มันจบลงด้วยดีทุกฝ่าย ไม่ยืดเยื้อไปมากกว่านี้อยากให้คลี่คลายให้ได้

 ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปว่าวันนี้ ‘กรีน’ ออกมาให้สัมภาษณ์กลัวหรือเปล่าว่าทางคุณพ่อจะไม่พอใจ นางเอกสาวเผยว่า ถึงตนให้สัมภาษณ์หรือไม่ให้สัมภาษณ์ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในเมื่อข่าวออกมาแบบนี้คนที่อยู่ใกล้ชิดนักข่าวมากที่สุดก็คือตนและพี่เคลลี่ที่จะสามารถออกมาได้เท่านั้น

 “กรีนรักทั้งคู่(เสียงเครือ)แต่ความจริงความถูกต้องก็ต้องอยู่บนความถูกต้อง ความสัมพันธ์ในครอบครัวของกรีนก็ยังรักกันเหมือนเดิมนะคะ ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วทำให้เราไม่รักกัน มันเป็นแค่ความเข้าใจผิดกันแค่นั้นเอง อย่างที่บอกถ้าเราเปิดใจใหักันและกันให้โอกาสกันและกัน หันหน้ามาคุยกันก็คงจะดี นี่แหละคือปัญหาของคนไทยหลายคนที่เกิดขึ้นที่ไม่ยอมคุยกันค่ะ”

 ‘กรีน’ เผยต่อว่าที่ตนยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ อาจจะเป็นเพราะว่าตนทำงานตลอดเวลา กลับดึก ตื่นเช้า มีภาระหลายอย่างต้องรับผิดชอบทำให้อาจลืมบางเรื่องไป ไม่ใช่ว่าตนไม่อยากคุยแต่ด้วยภาระที่ตนทำอยู่ตอนนี้ก็ค่อนข้างหนักอยู่

 “ส่วนที่คนจะมองว่ากรีนอกตัญญูตรงนี้กรีนคงห้ามคนไม่ให้มองเราแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะแต่กรีนพูดความจริงและกรีนรักครอบครัว รักพ่อและแม่แต่ทุกอย่างคือความจริงที่กรีนพูดค่ะ”

 ‘เคลลี่’ เสริมว่า ตนถึงอยากให้วันนี้เป็นเรื่องของตนกับฝ่ายโน้นดีกว่า อย่าเอาน้องกรีนมาเกี่ยวข้องเลย แค่นี้เขาก็ลำบากใจพอแล้ว เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา10เดือนแล้ว ถ้าตนไม่จนตรอกและมีทางอื่นตนขอเลือกทางนั้นไปแล้ว ตนคิดว่ามันไม่มีทางแล้ว ไม่รู้จะไปทางไหนแล้วมึนไปหมด

 “ผมว่าเรื่องนี้คงไม่เป็นอุปสรรคใน ความรักของเรา แต่ถามว่าเคยคุย เคยเครียดและทะเลาะกันเรื่องนี้ไหมเคยมี แต่คงไม่เป็นอุปสรรค ไม่อย่างนั้นทุกวันนี้ผมก็คงไม่มาเป็นกำลังใจให้เขาและเขาก็คงไม่เป็นกำลัง ใจให้ผม วันนี้ที่มาพูดไม่ได้อยากพูดถึงเรื่องนี้เลย ผมว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวแต่เมื่อมันมีข่าวยิ่งข่าวทางอินเตอร์เน็ตซึ่งเรา ไม่รู้ว่าแหล่งข่าวมาจากไหนก็อยากให้ทุกคนรับทราบตรงนี้แต่จะมีรายละเอียด มากกว่านี้หลังจากวันที่20 พ.ค.หลังจากขึ้นศาลแล้วครับ”

 ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปว่าหลังจากเกิด เรื่องนี้แล้วในอนาคตเรื่องของการแต่งงานซึ่งวัฒนธรรมไทยค่อนข้างให้ความ สำคัญสถาบันครอบครัวมาก‘เคลลี่’เผยว่าตนเข้าใจ และตนหวังว่าการที่เราได้คุยกันแล้วคงไม่เป็นรอยร้าว มันเป็นความเข้าใจกันมากกว่า

                            
 “ผมรักคุณพ่อคุณแม่ผม ผมนับถือผู้ใหญ่และเห็นใจคนที่เป็นพ่อแม่ ผมเข้าใจแต่อย่างที่บอกตอนนี้คือการคุยและเข้าใจกัน จบเรื่องราวการเข้าใจผิดกัน เราโตๆกันแล้วเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ปรับความเข้าใจเข้าหากัน ถ้าทำได้เรื่องมันจบทันทีไม่มีต่อครับ”

 ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปว่าหรืออาจจะพลิกหลังจากเหตุการณ์นี้แล้วครอบครัวของ‘กรีน’อยากให้ทั้งคู่แต่งงานกัน ‘เคลลี่’ เผยว่า เรื่องแต่งงานกันคงเป็นไปไม่ได้เพราะน้องกรีนยังเรียนอยู่ แต่อยากให้กรีนรู้ว่าตนอยู่เคียงข้างเขา เรื่องนี้ตนหวังว่าอยากให้ทุกคนมาปรับความเข้าใจกัน มาคุยกัน ตนหวังแค่ความเข้าใจกันและจบเรื่องความเข้าใจผิด




 ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

‘ปู-ไปรยา’ เขินถูกจับตาสะใภ้เล็ก

วันที่ 3 พ.ค. ในงาน “เดอะมอลล์ พฤกษาสยาม ครั้งที่4” ที่ เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะ มอลล์ บางกะปิ ผู้สื่อข่าวถามถึงภาพที่ไปทานข้าวกับครอบครัว ‘โน้ต’วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์ พร้อมด้วยสาว ‘ชมพู่’อารยา เอ.ฮาร์เก็ต” เลยทำให้นางเอก7สี ‘ปู’ไปรยา สวนดอกไม้ ถูกแซวว่าเป็นสะใภ้เล็กไปแล้ว

 โดย ‘ปู-ไปรยา’ กล่าวว่า ก็มีบ้างค่ะ เป็นวันสาวๆ ที่ไม่มีหนุ่มๆ ไปด้วย แค่ไปเดินซื้อของด้วยกันเฉยๆ ถามว่ามีปรึกษาอะไรพี่ชม(ชมพู่-อารยา) ไหม ไม่ค่อยได้คุยเรื่องนี้ ปกติจะคุยเรื่องอื่นๆ ส่วนเรื่องการวางตัวอย่างที่บอกสู้พี่ชมไม่ได้หรอกค่ะ ตนก็เป็นของตนอย่างนี้ ก็ยังเป็นตัวของตัวเองแต่ด้วยความโตขึ้นก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร

 ผู้ สื่อข่าวถามต่อว่าหลายคนมองว่าเป็นสะใภ้บ้านนั้นแล้ว นางเอกสาวตอบแบบเขินๆ ว่า “ยังนะค่ะ ถามว่าเขินกับคำนี้ไหม ก็เกร็งนิดนึง(หัวเราะ) แต่ก็รอดูแล้วกัน ส่วนใหญ่เวลาที่เจอกันก็เจอกันวันอาทิตย์ เป็นวันครอบครัว บางครั้งเขามาทานข้าวที่บ้านปู หรือไม่ก็ไปทานบ้านเขา เราชอบทำอาหารทั้งคู่

 ต่อข้อซักถามที่ว่าหลายคนมองว่าเป็นสะใภ้ ใหญ่-สะใภ้เล็ก รู้สึกอย่างไร “ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วค่ะ จริงๆ รู้จักกันมานานแล้วคุยเล่นกันมานานแล้ว ถามว่าปูกับพี่ชมใครจะแต่งก่อน ให้พี่ชมแต่งก่อนดีกว่าค่ะ ปูเชียร์ให้พี่เขาแต่งก่อน ตอนนี้ขอทำงานก่อนเพราะอายุ 24 เอง ส่วนแพลนไปเที่ยวไหนยังไม่มีค่ะ แล้วพี่เขาก็ไม่ได้น้อยใจที่ปูทำงานด้วย ”

 ทำงานหนักขนาดนี้มีแพลน ควงกันไปเที่ยวไหนหรือเปล่า “ไม่มีเลยค่ะ ช่วงนี้ถ้าไปเที่ยวต่างประเทศก็เพราะไปทำงานด้วย เพราะเป็นช่วงเวลาที่ปูควรจะทำงาน เราเรียนมาหลายปีแล้วก็ทำงานบ้าง เขาก็เข้าใจดี อย่างช่วงนี้ขนาดงานยุ่งก็เจอกันบ่อยกว่าตอนที่ปูอยู่เมืองนอกนะ ช่วงนี้ถ้าว่างก็เจอกันตามปกติค่ะ” สาว ‘ปู’ กล่าวทิ้งท้าย 
 


 ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ลูกเห็บตกเหมือนหิมะเต็มดอยอินทนนท์

เวลา 11.00 น. วันที่ 4 พ.ค. นางสาวพรนภา ทองเทพ เวรพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า คลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ทำให้ภาคเหนือมีฝนฟ้าคะนองกระจายกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยพื้นที่ภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่จะมีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่

 ด้านนายคมสัน สุวรรณอัมพา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 2 พ.ค. จนถึงเช้าวันนี้ ทางสำนักงานเราได้รับรายงานว่าเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และมีลมกรรโชกแรง มีพายุลูกเห็บตกลงมาใส่หลังคาบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรของประชาชนได้รับความเสียหายรวมแล้ว 5 อำเภอ คือ อำเภอฝาง แม่อาย พร้าว สะเมิง และล่าสุดที่ อ.จอมทอง

 โดยเกิดพายุลูกเห็บพักถล่มที่บริเวณจุดสูงสุดแดนสยาม ยอดดอยอินทนนท์ ตั้งแต่เวลา 18.00-19.40 น. จนท้องถนนเต็มไปด้วยลูกเห็บสีขาวเกลื่อนถนนขาวโพลนไปทั่ว จนคล้ายกับหิมะที่ปกคลุมยอดดอยจนขาวโพลนไปทั่ว และมีรายงานต้นไม้หักปิดทับเส้นทางหลายเส้นทางในพื้นที่ โดยรวมทั้ง 5 อำเภอมีบ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 300 หลังคาเรือนที่หลังคาบ้านได้รับความเสียหาย และมีพื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 1,500 ไร่ ซึ่งเราก็ได้แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ เข้าไปเร่งให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในพื้นที่แล้ว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากเหตุการณ์พายุฝนและพายุลูกเห็บถล่มเชียงใหม่ใน 2 วันนี้ก็นับว่าเป็นผลดีต่อพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งของจังหวัดเชียงใหม่ เพราะตอนนี้จังหวัดเชียงใหม่มีทั้งหมด 25 อำเภอ และทางจังหวัดได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยแล้งแล้ว 21 อำเภอ ได้แก่ อ.อมก๋อย, จอมทอง, สะเมิง, แม่แจ่ม, สันป่าตอง, ฮอด, กัลยาณิวัฒนา, ไชยปราการ, หางดง, สันกำแพง, ดอยหล่อ, แม่ออน, แม่ริม, เวียงแหง, ดอยเต่า, พร้าว, ดอยสะเก็ด, สารภี, สันทราย, เชียงดาว และ อ.แม่แตง มีราษฎรประสบภัย 111 ตำบล 943 หมู่บ้าน 124,363 ครัวเรือน อีกทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลมีปริมาณน้ำ 88.445 ล้าน ลบ.ม. (33.38%) และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา มีปริมาณน้ำ 61.098 ล้าน ลบ.ม. (23.2%) ซึ่งถือว่าน้อยมาก แต่จากปริมาณฝนที่ตกลงมาน่าจะช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งในทุกพื้นที่และเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนทั้งสองให้มีปริมาณมากขึ้นกว่าเดิมได้.

                         ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้เกิดลูกเห็บตกที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ลูกเห็บขาวโพลนไปทั่วท้องถนน ประชาชนออกมาบันทึกภาพลงเฟซบุ๊กกัน เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบ 20 ปี ที่มีลูกเห็บตกมากขนาดนี้ จนเหมือนหิมะ 


 ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ปะทะเดือด!!ทหารพราน-มูเซอดำแก๊งพ.ท.ยี่เซขนยาบ้า ดับ 5 ศพ ของกลางอื้อ-เงินสดเป็นล้าน

เวลา 09.00 น. วันที่ 4 พ.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า พล.ต.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ร่วมกับนายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ปปส.ภาค 5 พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทหารพรานจากร้อย ทพ.3108 และ 3109 ฉก.ทพ.31 กองกำลังผาเมือง ปะทะกับขบวนการยาเสพติดพื้นที่บ้านอาแหละ ม.2 ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ห่างจากชายแดนไทย-พม่า ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อไปถึงพบ พ.อ.วัชพงศ์ แก้วแจ้ง ผบ.ฉก.ทพ.31 นำไปตรวจที่เกิดเหตุซึ่งเป็นป่าเขาสูงชันโดยจุดเกิดเหตุเป็นร่องน้ำห้วยบ้าน เก่าลัดเลาะไปไปเทือกเขาดอยไม้ยางที่มีป่าไผ่ปกคลุมอยู่เต็ม

 จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพคนร้ายเสียชีวิตจำนวน 5 ศพ แต่ละศพถูกกระสุนปืนเจ้าหน้าที่ยิงตามลำตัวโดย 2 ศพแรก นอนอยู่ภายในร่องน้ำ ห่างจากศพที่สองประมาณ 20 เมตร ส่วนที่เหลืออีก 3 ศพ อยู่บนเนินเขาห่างออกไปประมาณ 10 เมตร แต่ละศพพบของกลางยาบ้าในกระเป๋าที่สะพายไปด้วยศพละ 1-2 มัด รวมของกลางยาบ้าทั้งหมด 7,000 เม็ด พร้อมอุปกรณ์เสพ นอกจากนี้พบอาวุธที่ใช้ยิงต่อสู้ประกอบไปด้วยปืนลูกซองขนาด .22 ติดลำกล้องจำนวน 1 กระบอก ปืนอาก้า จำนวน 1 กระบอก ปืนลูกซองยาวขนาด 5 นัดจำนวน 1 กระบอก ปืนลูกซองสั้นขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก  ลูกระเบิดชนิดลูกเกลี้ยงผลิตในประเทศจีนจำนวน 1 ลูก และในกระเป๋าของหนึ่งในคนร้ายพบมีธนบัตรฉบับละ 1,000 บาทอยู่จำนวน 10 มัด รวมของกลางเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท

                        
 เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารพรานทราบว่าก่อนหน้านี้ได้ลาดตระเวนไปตามภูเขาดังกล่าว ซึ่งเชื่อมจาก อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง ไปทางชายแดนไทย-พม่า ต่อมาได้พบชายฉกรรจ์เป็นกองกำลังติดอาวุธประมาณ 20 คน ถืออาวุธครบมือพร้อมสะพายกระเป๋าสัมภาระไปตามแนวป่าเจ้าหน้าที่ทหารพรานจึงให้สัญญานขอเข้าไปตรวจสอบ แต่ปรากฎว่ากลุ่มชายดังกล่าวกลับใช้อาวุธปืนนานาชนิดยิงต่อสู้ เพื่อเปิดทางหลบหนีจึงเกิดการต่อสู้กันขึ้นนานประมาณ 10 นาที เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วแนวป่า สิ้นเสียงปืนกลุ่มคนร้ายได้หลบหนีเข้าป่าไปได้ประมาณ 15 คน และถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 5 ศพ พร้อมของกลางดังกล่าว

 พล.ต.สมศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเทือกเขาบริเวณดังกล่าวถูกกลุ่มกองกำลังติดอาวุธค้ายาเสพติดใช้เป็นเส้นทางลำเลียง เพื่อนำเข้ามาพักชั้นในของประเทศ ก่อนจะลักลอบขนต่อไป แต่สำหรับกลุ่มนี้คาดว่าเป็นกลุ่มมูเซอดำกลุ่ม พ.ท.ยี่เซ ซึ่งมีฐานอยู่ตรงกันข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง ซึ่งได้ลักลอบขนยาเสพติดไปส่งให้กับผู้ซื้อ หรือนำไปพักไว้ที่หมู่บ้านพักยาเสพติดในเขต ต.ป่าตึง ที่เป็นพื้นที่เป้าหมายของเจ้าหน้าที่แล้ว จากนั้นได้เดินทางกลับพร้อมเงินสดที่ขายได้ ส่วนยาบ้าคงเป็นค่าจ้างอีกส่วนหนึ่งที่ใช้เสพ

 ทั้งนี้คาดว่ายังมีของกลางอีกมากแต่เนื่องจากเป็นกองกำลังติดอาวุธมืออาชีพที่พร้อมด้วยอาวุธที่ทันสมัย จึงสามารถเก็บเอาของกลางที่เหลือหลบหนีไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลติดตามจับกุมและสืบหาแหล่งที่นำของกลางยาบ้าไปส่งแล้วดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้กลุ่มนี้เคยก่อเหตุยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาถึง 3-4 ครั้งแล้ว และเข้ามาเคลื่อนไหวลึกเข้ามาชั้นในของประเทศร่วม 20 เมตร จึงจะต้องดำเนินการปราบปรามให้ราบคาบต่อไป


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ 
ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th