วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

สิงโตเมินเรียกเทอร์รี่


สื่อต่างประเทศรายงานว่า รอย ฮอดจ์สัน ผู้จัดการทีม สิงโตคำรามŽอังกฤษ จะไม่เรียกตัวจอห์น เทอร์รี่ ปราการหลังจากค่าย สิงโตน้ำเงินครามŽเชลซี ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งในเกมกระชับมิตรที่จะถึงนี้

  ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเทอร์รี่พร้อมที่จะกลับมาเล่นให้ สิงโตคำรามŽ อีกคำรบ เพื่อหวังลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 หลังจากตัดสินใจอำลาการเล่นให้ทีมชาติไปเมื่อ 7 เดือนที่แล้ว เนื่องจากมีปัญหาขัดแย้งกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอ

  อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวล่าสุดระบุว่าฮอดจ์สันไม่มีความตั้งใจที่จะเรียกแข้งรายนี้กลับมาติดธงแต่อย่างใด โดยเชื่อมั่นว่าตอนนี้ทีมชาติมีนักเตะตำแหน่งกองหลังตัวกลางมากพอในเกมกระชับมิตรกับไอร์แลนด์ และบราซิล ที่จะฟาดแข้งกันในเร็วๆ นี้ และจะเก็บเรื่องเทอร์รี่กลับสู่ทีมชาติไว้พิจารณาอีกครั้งในฤดูกาลหน้า

  เมื่อเดือนที่แล้ว สิงโตคำรามŽ มีปัญหาขาดแคลนเซ็นเตอร์แบ๊กเพราะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหลายราย แต่ล่าสุดทั้ง ฟิล จากีลก้า, ไมเคิ่ล ดอว์สัน และแกรี่ เคฮิลล์ หายจากอาการบาดเจ็บแล้วทั้งหมด ทำให้ฮอดจ์สันมีตัวเลือกสำหรับตำแหน่งนี้อีกครั้ง

 โดยเทอร์รี่ทำสถิติติดทีมชาติไป 78 นัด ยิงได้ 6 ประตู

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

รถจอดตีเส้นถนน จู่ๆ เก๋งพุ่งอัดท้าย คนงานกระเจิง


 เมื่อเวลา 02.50 น. วันที่ 1 พ.ค. พ.ต.ท.พรชัย ปังศิริรธรรม สว.สมร.1 กก8 (เขาเขียว) ชลบุรี ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่บนถนนสาย 344 สาย 7 ตอน 2 กิโลเมตรที่ 81 + 200 เข้าขาเข้ากรุงเทพ มีคนติดอยู่ภายในรถ จึงประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯไปช่วยเหลือคนเจ็บ และรุดไปดูในที่เกิดเหตุ

 พบรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 2 สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน 1กด-4461 กรุงเทพมหานคร ชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีเทา หมายเลขทะเบียน 81-9986 นนทบุรี และมีคนขับรถเก๋งติดอยู่ภายในทราบชื่อ นายอัครเดช สีสมาน อายุ  43 ปี เป็นพนักงานของบริษัทมิสเทรด แอนด์ เอ็นจีเนียร์ อิเล็กทริกส์ ถูกพวงมาลัยอัดบริเวณหน้าอก โคนขา เจ้าหน้าที่มูลนิธิ จึงช่วยกันใช้เครื่องตัดถ่าง นำร่างออกมาได้ และรีบส่งโรงพยาบาลชลบุรี

 จากการสอบสวนนายประสิทธิ ไผ่ทอง อายุ 47 ปี หัวหน้าคนงานของบริษัทเบญจภูมิกราฟิก จำกัด รับตีเส้นกลางถนนเผยว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุ ตนเองคุมคนงานจำนวน 7 คนตีเส้นกลางถนน ต่อมามีรถเก๋งคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว ตนพยายามที่จะส่องไฟให้หลบ แต่ไม่ทัน รถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายรถ 6 ล้อซึ่งตีเส้นอยู่อย่างแรง คนงานที่ตีเส้นต่างก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอด เบื้องต้นคาดว่าคนขับน่าจะหลับใน เลยไม่เห็นรถ 6 ล้อ


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

"เสือเหลือง"เอาอยู่ ทะลุชิงชปล. "ราชัน"หวิดดราม่าพลิกชะตา เฮียมูโวยเปา





 ผลการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง คืนวันอังคารที่ 30 เม.ย. "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด กลับมาเปิดรังเบอร์นาบิว ดวล "เสือเหลือง" ดอร์ตมุนด์ หลังนัดแรกออกไปแพ้มา 1-4 ประตู มานัดนี้ลุ้นระทึกช่วงท้ายเกม เมื่อทำประตูติดๆ 2 ลูก เกือบพลิกชะตาแบบดราม่า แต่สุดท้ายทีมเยือนเอาอยู่ หยุดประตูให้มาดริดชนะแค่ 2-0

 ส่งผลให้ดอร์ตมุนด์ทะลุเข้าไปรอชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ในอังกฤษ โดยเป็นการเข้าชิงชนะเลิศครั้งที่ 2 ของทีมเก่งจากเยอรมันที่ทิ้งห่างครั้งแรกเมื่อ 16 ปีก่อน ครั้งนั้นดอร์ตมุนด์ชนะจูเวนตุส คว้าแชมป์ได้ ส่วนมาดริดปีนี้ตกรอบรองชนะเลิศซ้ำเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากเคยพ่ายบาร์เซโลนาปี 2011 และแพ้บาเยิร์น มิวนิก ปี 2012

 โฮเซ่ มูรินโญ่ ให้สัมภาษณ์หลังเกม ชมลูกทีมว่าเล่นดีและเกือบจะทำได้ แต่ไม่สำเร็จเพราะผลของนัดแรกตามมาลงโทษ ที่ผิดหวังและเซ็งมากคือฮาวเวิร์ด เว็บบ์ กรรมการที่ชอบที่สุดคนหนึ่ง ไม่แจกใบแดงให้มัตส์ ฮุมเมลส์ กองหลังของดอร์ตมุนด์ ทั้งๆ ที่เห็นคาตา จังหวะนั้นถือว่า ไม่ได้ตัดสินแบบกรรมการ แต่ใจอ่อนแบบคนทั่วไป คงคิดว่า ถ้าแจกใบแดงแล้วฮุมเมลส์จะไม่ได้ลงนัดชิง
 
 ด้านฮุมเมลส์กล่าวว่า ทีมเสือเหลืองรู้ดีว่าถ้าเสียประตูครึ่งแรก กองเชียร์มาดริดฮึกเหิมแน่ๆ เราก็คุมเกมได้จนกระทั่งถูกยิง ทั้งเกมเลยเปลี่ยนเหมือนนัดที่เจอมาลาก้า ดีใจมากที่ผ่านเข้ารอบในที่สุด ทุกคนต่างฝันเอาไว้ ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก บางคนตอนนี้ก็ยังเด็กอยู่เลย เราจะรอไปเวมบลีย์


 สำหรับเกมนี้ เจ้าถิ่นเน้นเต็มสูบแต่ไม่มี อัลวาโร่ อาร์เบลัว ที่บาดเจ็บต้องให้ มิคาเอล เอสเซียง ยืนแบ๊กขวาแทน ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ตัวหลักอยู่ครบ ด้านทีมเยือนขนชุดใหญ่มาเต็มที่นำโดยโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงโปแลนด์ผู้ทำ 4 ประตูนัดแรก

 เปิดฉากครึ่งแรก รีล มาดริด เป็นฝ่ายเดินเครื่องบุกใส่ทันทีผ่านไป 4 นาที กอนซาโล่ อิกัวอิน หลุดเข้าไปยิงแต่ติดผู้รักษาประตูดอร์ตมุนด์เซฟไว้ได้ 

 นาทีที่ 14 ราชันชุดขาวน่าได้ประตูเมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้วอลเลย์จ่อๆ แต่โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ นายทวารเสือเหลืองยังออกมาบล็อกไว้ได้ และทีมเยือนต้องเปลี่ยนมาริโอ เกิตเซ่ ที่มีอาการบาดเจ็บออก หลังจากนั้น รีล มาดริด ยังบุกต่อเนื่องแต่จังหวะสุดท้ายไม่เฉียบขาดพอจบครึ่งแรกยัง 0-0

 กลับมาเล่นครึ่งหลังได้ 5 นาที ดอร์ตมุนด์เกือบออกนำจากจังหวะที่มาร์โก้ รอยส์ จ่ายบอลให้โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หลุดเข้าไปยิงบอลพุ่งชนคานตกลงมาแต่ยังไม่ข้ามเส้นประตู เจ้าถิ่นรอดหวุดหวิด

 เกมรุกของรีล มาดริด ยังไม่ดีขึ้นโฮเซ่ มูรินโญ่ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นรวดเดียว 2 คนโดยส่งกาก้า มาแทนฟาบิโอ โคเอนเทรา และคาริม เบนเซม่า มาแทน กอนซาโล่ อิกัวอิน

 นาทีที่ 62 เสือเหลืองน่าได้ประตูออกนำเมื่อ มาร์โก้ รอยส์ เติมเกมทางด้านขวาแล้วไหลต่อให้ อิลคาย กุนโดกัน แปโล่งๆ แต่ ดีเอโก้ โลเปซ นายด่านรีล มาดริด มาปัดไว้ได้ 

 หลังจากนั้นรีล มาดริด เดินหน้าบุกหนักจนกระทั่งนาทีที่ 83 ความพยายามของพวกเขามาประสบความสำเร็จเมื่อมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการประสานงานของ กาก้า ที่แทงบอลออกขวาให้ เมซุต โอซิล หลุดเข้าไปผ่านบอลเข้ากลางเขตโทษเสือเหลืองและเป็น คาริม เบนเซม่า วิ่งเข้ามาแปตุงตาข่าย

 พอขึ้นนำ ราชันชุดขาวได้ใจมาได้ประตู 2-0 ในนาทีที่ 88 หลังจากดอร์ตมุนด์สกัดลูกเตะมุมไม่ดี คาริม เบนเซม่าเปิดกลับมาให้เซอร์คิโอ รามอส ยิงเต็มข้อระยะ 6 หลา บอลเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม เสียงเชียร์จากแฟนเจ้าถิ่นดังกระหึ่มไปทั้งสนามเพราะต้องการอีกประตูเดียวก็จะพลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบ 

 ช่วงเวลาที่เหลือรีลมาดริดบุุกอยู่ฝ่ายเดียวแต่เสือเหลืองช่วยกันป้องกันไว้ได้ไม่เสียประตูเพิ่มจบเกมรีล มาดริด เอาชนะดอร์ตมุนด์ 2-0 แต่ไม่เพียงพอ รวมสองนัดดอร์ตมุนด์ ผ่านเข้าชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ 4-3 เข้าไปรอพบผู้ชนะ ระหว่างบาเยิร์น มิวนิก กับ บาร์เซโลน่า ที่สนามเวมบลีย์วันที่ 25 พ.ค.นี้


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ศาลชี้ ‘พลทหารฯณรงค์ฤทธิ์’ ถูกยิงที่อนุสรณ์สถานฯ เม.ย.53 ตายจากกระสุนปืนจนท.ทหาร



 ศาลชี้พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ ถูกยิงตายจากกระสุนปืนความเร็วสูงของทหารขณะตั้งด่านสกัดม็อบ นปช.หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ช่วงเสื้อแดงชุมนุมปี 2553


ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 เม.ย. ศาลได้อ่านฟังคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีดำ อช.4/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ยื่นคำร้องให้ไต่สวนสาเหตุการตาย ของพลทหาร ณรงค์ฤทธิ์ สาละ สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี เพื่อให้ศาลทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด รวมถึงสาเหตุและพฤติการณ์การตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2553 ผู้ตายถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ชุดลาดตระเวนเคลื่อนที่เร็ว เพื่อระงับเหตุการณ์การปะทะกันของเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ (ดอนเมือง)

ศาลพิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน เมื่อใด เหตุและผู้ตายเป็นอย่างไรและใครเป็นผู้กระทำร้ายผู้ตาย โดยผู้ร้องมีนายธวัชชัย สาละ บิดาผู้ตายเบิกความ สอดคล้องกับพยานปากอื่น คือ ร.อ.ธนรัชน์ มณีวงศ์ ,จ.ส.อ.นพดล ตนเตชะ , จ.ส.อ.โกศล นิลบุตร ,ส.อ.อนุภัทร์ ขอมปรางค์ และนายพงษ์ระวี ชนะชัย (อดีตพลทหาร) ทำนองว่า ร.อ.ธนรัชต์ มณีวงศ์ หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็ว ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้นำกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วด้วยรถจยย. เดินทางไปที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ เพื่อเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่ง มีพลทหารพงษ์ระวี ชนะชัย ขับขี่รถ จยย. ส่วนผู้ตายนั่งซ้อนท้าย เมื่อมาถึงแนวสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออกช่องทางหลักและแนวสกัดของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเป็นแนวเดียวกันทางช่องทางคู่ขนาน กลุ่มรถ จยย. เป็นกลุ่มแรกที่มาถึงใกล้แนวสกัดของทหารและตำรวจ โดยขับขี่เรียงตามกันมา รถจยย.ผู้ตายนั่งซ้อนท้ายตามมาเป็นคันที่ 5 และได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5 นัด พยานทั้งหมดจึงล้มรถ จยย.ลงและวิ่งเข้าหาที่กำบัง ส่วนผู้ตายถูกยิงที่ศรีษะตกลงจากรถ และเสียชีวิตเวลาต่อมา

นอกจากนี้ ส.ต.ท.สุกิจ หวานไกล ส.ต.อ.วินัย กองแก้ว และ ส.ต.อ.ณรงค์ ทองพูล เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งแนวสกัดในขณะเกิดเหตุเบิกความสอดคล้องกัน ว่า ในวันเกิดเหตุได้ปฏิบัติหน้าที่และหันหน้าไปทางกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. เมื่อเวลา 15.00 น. เห็นทหารวางกำลังบริเวณตอม้อทางขึ้นทางด่วนโทล์เวล์เป็นระยะทั้งฝั่งซ้ายและขวา แต่ละจุดมีทหารถืออาวุธปืนยาว 2 นาย ต่อมามีรถจักรยานยนต์ 5-6 คัน เปิดไฟหน้าขับขี่เข้ามาตามถนนวิภาวดี-รังสิต เข้าใกล้แนวสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจห่างประมาณ 50 เมตร พยานกับพวกเข้าใจว่าเป็นรถ จยย.ของกลุ่มนปช. มีคนตะโกนให้หยุดและเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารยิงปืนไปที่กลุ่มรถ จยย.หลายนัด จนรถล้มลงมีคนตะโกนว่ามีทหารถูกยิง

ขณะที่ พ.ท.นพ.เสกสรร ชายทวีป เบิกความว่า ได้ชันสูตรพลิกศพผู้ตาย พบว่าที่ศีรษะผู้ตายมีบาดแผลฉีกขาดขอบไม่เรียบระหว่างหน้าขมับหางคิ้วขวา ขนาดกว้าง 3 ซม.ยาว 6 ซม. บาดแผลบริเวณหัวตาซ้ายกว้าง 0.7 ซม. ยาว 1.5 ซม.จากการผ่าศีรษะผู้ตายปรากฏว่าใต้หนังศีรษะพบรอยกระสุนและรอยฟกช้ำเป็นบริเวณกว้าง กะโหลกศีรษะแตก บริเวณหางคิ้วซ้ายเนื้อสมองซีกซ้ายถูกทำลายอย่างรุนแรง และพบเศษโลหะ 6-7 ชิ้น ฝังอยู่ภายในกะโหลกศีรษะและเนื้อสมอง และพบว่าวิถีกระสุน เข้าจากทิศทางซ้ายไปขวา ระหว่างหน้าขมับซ้ายและหางคิ้วซ้าย และสาเหตุที่ตายเกิดจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง

พ.ต.ท.วัชรัศมิ์ เฉลิมสุขสันต์ จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เบิกความว่า ได้รับมอบหมายให้ตรวจพิสูจน์รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กยษ กจ 683 ที่ผู้ตายนั่งซ้อนท้ายขณะเกิดเหตุและตรวจพิสูจน์เศษกระสุนปืนที่ผ่าออกจากศีรษะผู้ตายรวมทั้งตรวจหมวกทหารที่ผู้ตายสวมขณะเกิดเหตุ ผลการตรวจรถจักรยานยนต์ดังกล่าว พบว่าบริเวณเบาะนั่นด้านซ้ายที่คนขับมีรอยกระสุนปืนทะลุไปทางด้านขวา และผลการตรวจพิสูจน์เศษกระสุนปืนที่ผ่าออกจากศีรษะผู้ตาย พบว่า เป็นกระสุนขนาด .223 นิ้วหรือขนาด 5.56มม. ซึ่งเป็นกระสุนปืนความเร็วสูงที่ใช้กับอาวุธปืนเล็กยาวแบบ เอ็ม 16 หรือ เอชเค 33 เชื่อว่าพยานเบิกความไปตามความจริง นอกจากนี้ยังมีเอกสารการตรวจวิถีกระสุนที่ยิงมาที่รถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายนั่งอยู่ พบว่ามาจากคนยืนยิง ไม่ใช่ยิงมาจากที่สูง

ดังนั้นพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบมานั้น ข้อเท็จจริงไม่อาจรับฟังเป็นประการอื่นได้คือ ผู้ตายถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ด้วยกระสุนปืนขนาด.223 นิ้วหรือขนาด 5.56 มม. ซึ่งยิงจากจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ทำให้ผู้ตายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

จึงมีคำสั่งว่าผู้ตาย คือ พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ ตายที่บริเวณ ถนนวิภาวดีรังสิต-ขาออก เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2553 เวลา 15.00น. โดยถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง จากอาวุธปืนเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนั้น ซึ่งกระสุนเข้าที่ศีรษะด้านซ้ายบริเวณหางคิ้ว ผ่านทะลุกะโหลกและทำลายเนื้อเยื่อสมอง เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

ผู้สื่อข่าวรายงาน การฟังคำสั่งในวันนี้ ปรากฏว่า ไม่มีพนักงานอัยการฝ่ายผู้ร้อง หรือญาติของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ มาร่วมฟังคำสั่งแต่อย่างใด ขณะที่คดีนี้ถือเป็นสำนวนที่ 8 ที่ศาลมีคำสั่งชี้สาเหตุการเสียชีวิตโดยก่อนหน้านี้ศาลอาญา และศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งมาแล้ว 7 ราย ประกอบด้วยนายพัน คำกอง ชาว จ.ยโสธร , นายชาญณรงค์ พลศรีลา , นายชาติชาย ชาเหลา ชาวสุรินทร์ และ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา อายุ 14 ปี ที่ระบุเสียชีวิตจากกระสุนขนาด.223 ที่มาจากฝ่ายเจ้าพนักงาน

ขณะที่มีเพียงกรณีของนายบุญมี เริ่มสุข ผู้ร่วมชุมนุม นปช. อายุ 70 ปี ชาว กทม. ศพรายที่ 5 ถูกยิงบริเวณ ถ.พระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.และนายมานะ อาจราญ ลูกจ้างสวนสัตว์ดุสิต ศพรายที่ 6 ที่ถูกยิงตายภายในสวนสัตว์ดุสิต ที่ศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งใกล้เคียงกันว่า ทั้งสองเสียชีวิตด้วยกระสุนปืนขนาด .223 แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ

ส่วนศพนายนายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง อายุ 50 ปี หรือลุงคิม รายที่ 7 ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งว่านายฐานุทัศน์เสียชีวิตที่ รพ.มเหสักข์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. เมื่อวันที่ 23 ก.พ.55 เวลา 22.35 น. เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายของผู้ตาย สืบเนื่องจากปอดอักเสบ ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลวจากโรคมะเร็งระยะลุกลาม โดยไม่ใช่ผลโดยตรงจากการถูกยิง

ขณะที่ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้ จะมีคำสั่งการเสียชีวิตของนายฟาบิโอ โปเลงกี (FABIO POLENGHI) ช่างภาพชาวอิตาลี ศพรายที่ 9 ที่ถูกยิงเสียชีวิต ช่วงเวลา 10.00 - 13.00 น. เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 จากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาชนประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ช่วงระหว่าง ถนนจากศาลาแดง – ราชประสงค์








ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th



รวบกะเทยลวงสาวไทยค้ากามแอฟริกาใต้-ซ้ำร้ายมีคนไทยช่วยหนีออกมาแล้วนำไปขายให้เครือข่าย


 เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม. แถลงข่าวจับกุม นายมารักษ์ ลาโกติ หรือ เหมียว อายุ 21 ปี สาวประเภทสอง ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญา ข้อหาสมคบกันค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี ซึ่งจับกุมได้ที่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร

 พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า คดีนี้มีผู้เสียหายรายหนึ่งเป็นหญิงสาวชาวไทย อายุ 36 ปี ซึ่งถูกผู้ต้องหากับพวกอีกไม่ต่ำกว่า 4 คน หลอกให้ไปทำงานนวดแผนไทยที่ประเทศแอฟริกาใต้ ปรากฏว่าเมื่อเดินทางไปแล้วก็ถูกขบวนการดังกล่าว ที่มีทั้งชาวไทยและแอฟริกาใต้ นำตัวไปกักขังไว้ที่ห้องใต้ดินของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก แล้วก็ถูกบังคับให้ขายบริการ หากไม่ยอมก็จะให้อดข้าวอดน้ำจนผู้เสียหายทนไม่ไหว ก็เลยต้องยอม

  พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวอีกว่า ต่อมาผู้เสียหายได้หลบหนีออกมาได้ โดยการช่วยเหลือของชาวไทยที่อยู่ที่นั่น แต่กลับถูกนำไปขายต่อให้กับเครือข่ายค้าประเวณีอีกกลุ่มหนึ่ง โดยถูกขังไว้ในบ้านพัก ถูกบังคับค้าประเวณีจนผู้เสียหายทนไม่ไหว ต้องวางแผนขอความช่วยเหลือจากตำรวจ กระทั่งถูกส่งตัวกลับประเทศและเข้าแจ้งความดังกล่าว

 พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวอีกว่า จากการสอบสวนทางผู้เสียหายให้การด้วยว่าก่อนจะหลบหนีออกมาได้นั้น หลังรู้ว่าถูกหลอกมา ก็ต้องนั่งร้องไห้ทุกวัน จนมีเพื่อนร่วมงานคนไทยสงสาร ก็เลยให้เบอร์โทรศัพท์ของหญิงสาวชาวไทยคนหนึ่งที่ให้ความช่วยเหลือได้ ปรากฏว่าเมื่อถูกช่วยเหลือออกมาได้ กลับโชคร้าย เพราะถูกส่งตัวไปขายบริการต่อ ซึ่งในสถานบริการสุดท้าย ผู้เสียหายหลบหนีออกมาได้นั้น ได้ใช้วิธีสังเกตระยะเวลาที่รถสายตรวจตำรวจวิ่งผ่าน จนเมื่อสบโอกาสก็ปีนรั้วบ้านออกมาซ่อนตัวในพุ่มไม้ เมื่อมีรถของตำรวจวิ่งผ่านมาก็รีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ ก่อนถูกพาตัวไปที่สถานทูตไทย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของสถานทูตก็ได้ทำเรื่องส่งตัวกลับ พร้อมประสานมายังตำรวจ ปคม.เพื่อให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ก่อนจะมีการจับกุมดังกล่าว
  พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหารายนี้ให้การปฏิเสธ แต่ในทางสืบสวนพบด้วยว่า เครือข่ายนี้ได้กักขังหญิงสาวชาวไทยไว้ในห้องใต้ดิน อีกประมาณ 10 คน ซึ่งทางเรากำลังรีบประสานเข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว อย่างไรก็ดีเท่าที่สอบปากคำอย่างละเอียดทราบว่าบางส่วนก็สมัครใจ ที่จะทำงานอยู่ที่นั่น จึงมีบางส่วนที่กำลังประสานกับทางสถานทูตไทย ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือต่อไปแล้ว


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

สั่งสอบดต.ดินแดง-คลิปโฉวิ่งหนีโจ๋

ทั้งชุดตร. คนโพสต์ กล่าวหา! พาผู้หญิง "เปิดห้อง"
ผบช.น.สั่งสอบคลิปวัยรุ่นไล่กวดตร. ในเครื่องแบบที่วิ่งไปขึ้นรถสายตรวจของเพื่อนเผ่นหนี พร้อมตะโกนด่าทอลั่นถนนย่านดินแดง ระบุพาผู้หญิงไปเปิดห้องพาร์ตเมนต์ แต่ฝ่ายหญิงส่งข้อความให้เพื่อนมาช่วยเหลือ ด้านผกก.สน.ดินแดงเผยรู้ตัวแล้วเป็นด.ต.ฝ่ายปราบปราม อยู่ระหว่างลาพักไปสอบขึ้นเป็นชั้นสัญญาบัตร พบเป็นคลิปที่ถ่ายเมื่อ 26 เม.ย. ส่วนเพื่อนสายตรวจที่ไปช่วยพบไม่เกี่ยวข้อง แค่ได้รับแจ้งเหตุแล้วเดินทางไปเท่านั้น แจ้งเจ้าทุกข์มาแสดงตัวเพื่อให้ข้อมูล ยันให้ความเป็นธรรมเต็มที่ ตร.ขอดูภาพวงจรปิดอพาร์ต เมนต์รายวัน พบด.ต.ขี่จยย.พาผู้หญิงมาเปิดห้องพัก ผ่านไปครึ่งชั่วโมงลงจากห้องพบกลุ่มวัยรุ่นดักรออยู่ก่อนวิ่งไล่กวดชุลมุน
จากคลิปอื้อฉาวในเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งมีต้นตอมาจากเว็บยูทูบโดยผู้โพสต์ใช้ชื่อ "ไก่จ๋า ได้ยินไหมว่าเสียงใคร" เป็นคลิปกลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งไล่ตามชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยเครื่องแบบตำรวจออกมาจากหน้าอพาร์ตเมนต์ เช่ารายวัน พร้อมตะโกนด่าทอตลอดทาง ก่อนที่จะมีตำรวจอีก 2 นายขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจมาพาหลบหนีไป เป็นคลิปที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้โพสต์ระบุว่าเหตุเกิดที่ย่านดินแดง รุ่นน้องผู้หญิงถูกตำรวจขอตรวจค้นก่อนพาไปยังอพาร์ตเมนต์เช่ารายวัน ทำให้ผู้หญิงแอบส่งข้อความไปยังเพื่อนๆ ตามมาช่วยเหลือ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 เม.ย. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานแค่ว่ามีประชาชนถ่ายคลิปเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสน.ดินแดง ขณะที่กำลังวิ่งหนีกลุ่มคน และระบุว่าพาผู้หญิงไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง แต่ยังไม่ได้เห็นคลิป ขอตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน ขณะนี้ทราบว่าตำรวจนายดังกล่าวอยู่ระหว่างลาพักไปสอบเลื่อนขึ้นเป็นชั้นสัญญาบัตร สั่งให้รีบเรียกตัวมาสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดแล้ว
พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รองผบช.น. กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว ให้ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางกับสถานีตำรวจนครบาลดินแดงตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็ได้รับรายงานจากพ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุล ผกก.สน.ดินแดง ว่าเป็นตำรวจในสน.ดินแดง ยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ดินแดง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการลาสอบขึ้นเป็นชั้นสัญญาบัตรที่จังหวัดในภาคใต้และไม่สามารถติดต่อได้ จึงสั่งให้ตำรวจ นครบาล 1 และสน.ดินแดง ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
ด้านพ.ต.อ.ภานพกล่าวว่า ทราบเรื่องและเห็นคลิปแล้ว เบื้องต้นทราบว่าเหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนชายที่วิ่งหนีคือ ด.ต.วรวิทย์ นุกูลกิจ อายุ 42 ปี ผบ.หมู่ฝ่ายปราบปราม สน.ดินแดง ส่วนรายละเอียดและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้คุยกับด.ต.วรวิทย์ เนื่องจากลาไปสอบเลื่อนชั้นสัญญาบัตรที่จ.สงขลาถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้ ก่อนหน้านี้พยายามโทรศัพท์ติดต่อแต่ปิดมือถือ จึงแจ้งกับทางญาติของด.ต.วรวิทย์ให้รีบเดินทางกลับมารายงานตัวทันที และกำลังตรวจสอบอยู่ว่าในคืนเกิดเหตุด.ต.วรวิทย์ เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่หรือไม่ แต่จากในคลิปด.ต.วรวิทย์แต่งเครื่องแบบตำรวจ คาดว่าน่าจะปฏิบัติหน้าที่อยู่
พ.ต.อ.ภานพกล่าวอีกว่า สำหรับตำรวจอีก 2 นายที่ขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจไปรับออกมานั้นเป็นตำรวจสน.ดินแดงเช่นกัน แต่สอบแล้วไม่พบว่าเกี่ยวข้องด้วย เพียงแต่วันเกิดเหตุได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือที่ปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ตรงข้ามซอยประชาสงเคราะห์ 25 จึงไปตรวจสอบ กระทั่งพบชาวบ้านวิ่งไล่ด.ต.วรวิทย์อยู่ภายในซอยประชาสงเคราะห์ 23 จึงเข้าไปสอบถามและให้เจ้าทุกข์มาแจ้งความ ก่อนที่จะรีบพาด.ต.วรวิทย์ออกจากที่เกิดเหตุเพราะเกรงจะเกิดปะทะกับประชาชน
ผกก.สน.ดินแดงกล่าวอีกว่า ตำรวจสายตรวจที่ไปช่วยเหลือรายงานว่า เมื่อกลับมาถึงโรงพักสอบถามว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น แต่ด.ต. วรวิทย์ไม่ได้ตอบ และรีบออกจากโรงพักไปทันทีโดยไม่ได้พบหน้ากันอีกเพราะอยู่ระหว่างลาพัก สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นนั้นตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีพ.ต.ท. ประพจน์ อนุศิริ รองผกก.สส.สน.ดินแดงเป็นประธาน จะเร่งตรวจสอบให้เร็วที่สุด และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากผิดก็ต้องดำเนินคดีทั้งทางกฎหมายและทางวินัย ตอนนี้ยังไม่อยากด่วนสรุปว่าเป็นเรื่องอะไรเพราะยังไม่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความและให้ข้อมูลเพิ่มเติม
"อยากขอให้ทางผู้เสียหายเดินทางเข้ามาให้ข้อมูลกับผมโดยตรง ซึ่งพร้อมให้ความเป็นธรรม และสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนออกหาข่าวและตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมทั้งหาพยานหลักฐาน กล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุ และติดตามผู้เสียหายมาแจ้งความ เพื่อที่เรื่องต่างๆ จะได้คลี่คลายโดยเร็ว ส่วนทางผู้บังคับบัญชาได้รายงานให้ทราบแล้ว ซึ่งสั่งกำชับให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด" พ.ต.อ.ภานพกล่าว
วันเดียวกัน ตำรวจสน.ดินแดงเดินทางไปที่อพาร์ตเมนต์รายวันในซอยประชาสง เคราะห์ 23 จุดที่เกิดเหตุวิ่งไล่กันของชายฉกรรจ์กับด.ต.วรวิทย์ เพื่อสอบปากคำพนักงานและขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดซึ่งติดตั้งไว้หลายตัว โดยเห็นภาพด.ต.วรวิทย์ในชุดเครื่องแบบตำรวจขี่รถจักรยานยนต์พาหญิงสาวคนหนึ่งมาติดต่อขอเปิดห้อง ระหว่าง ด.ต.วรวิทย์พูดคุยกับพนักงาน ฝ่ายหญิงถือโอกาสกดโทรศัพท์มือถือ คาดว่าส่งข้อความถึงเพื่อนๆ จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินขึ้นไปชั้นบน
เวลาผ่านไปประมาณ 14 นาที มีกลุ่มชายฉกรรจ์เดินทางมาที่อพาร์ตเมนต์ กระทั่งเวลาผ่านไปอีก 16 นาที หญิงสาวเดินลงจากชั้นบนเข้าหากลุ่มชายฉกรรจ์ และอีกไม่กี่อึดใจต่อมาด.ต.วรวิทย์เดินตามลงมา ทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์กรูเข้าหาและวิ่งไล่กวดกันออกจากอพาร์ตเมนต์ไป



ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

สะพานแขวนขาด ตายหมู่! รถรา-คนร่วงจมน้ำ

ค้นเจอแล้ว6ศพ ข้ามแม่น้ำป่าสัก วัดสะตือ"พ่อโต" สะลิงรับไม่ไหว ทั้งๆที่เพิ่งซ่อม
 สยอง"สะพานแขวน" ขาดจมลงแม่น้ำป่าสัก สังเวยทันที 6 ศพ นับร้อยชีวิตแตกตื่นหนีตายโกลาหล เผยเป็นสะพานเก่าแก่ข้างวัดสะตือหลวงพ่อโต วัดดัง อ.ท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา สาเหตุเกิดจากลวดสะลิงรับน้ำหนักไม่ไหว แฉเพิ่งซ่อมใหญ่หลังน้ำท่วมใหญ่ปี 54 อธิบดีปภ.รายงานด่วนถึงนายกฯยิ่งลักษณ์ เร่งหาผู้ที่ยังสูญหาย 
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 28 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุสะพานปูน (สะพานแขวน) ชื่อสะพาน 200 ปี ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 120 เมตรข้ามแม่น้ำป่าสัก ระหว่างหมู่ที่ 5 บริเวณเขื่อนพระราม 6 ข้ามไปหมู่ที่ 6 วัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดพังถล่มหัก 2 ท่อนลงไปในแม่น้ำป่าสัก ส่งผลให้ประชาชนที่กำลังสัญจรไปมาบนสะพานโดยรถจักรยานยนต์ตกลงไปในแม่น้ำ นอกจากนี้คานใต้สะพานดังกล่าวยังได้หักพังลงไปทับผู้เสียชีวิตทันที 4 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงอายุประมาณ 12 ปี และบาดเจ็บอีกประมาณ 15 ราย ชาวบ้านจึงช่วยกันทยอยนําตัวผู้บาดเจ็บส่ง ร.พ.ท่าเรือ เป็นการด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา และใกล้เคียง ระดมกำลังเดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตครั้งนี้ ซึ่งการให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลําบากเนื่องจากเส้นทางถูกตัดขาด และยังมีชาวบ้านนับพันคนเข้ามามุงดูบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอยู่ด้านบน และกู้ภัยอีกชุดลงงมค้นหาผู้ที่คาดว่าจะติดอยู่ใต้ซากสะพานดังกล่าวในแม่น้ำ ก่อนจะยุติการค้นหาในช่วงค่ำโดยไม่พบผู้เสียชีวิต

 สําหรับสะพานแห่งนี้ก่อสร้างในช่วงเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี เมื่อปี 2525 ล่าสุดทางเทศบาลท่าคลอง เจ้าของพื้นที่ เพิ่งบูรณะสะพานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากใช้งานมากว่า 30 ปี สภาพชำรุดจนกระทั่งพังลงมาในวันนี้
ต่อมา เวลา 19.30 น. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเป็นหนังสือด่วนเหตุการณ์สะพาน 200 ปี ถล่มครั้งนี้ถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า เมื่อเวลา 17.30 น. เกิดเหตุสะพานแขวน 200 ปี บริเวณวัดสะตือพุทธไสยาสน์ บ้านท่างาม หมู่ 6 ต. ท่าหลวง อ.ท่าเรือ ลวดสะลิงขาดและถล่ม เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บ 45 ราย ส่วนผู้สูญหายอยู่ระหว่างตรวจสอบ ทั้งนี้สะพานดังกล่าวเป็นสะพานแขวนลวดสะลิงในชุมชน ประชาชนใช้สัญจรและจยย.ข้ามแม่น้ำป่าสัก กว้าง 2.3 เมตร ยาว 120 เมตร
นายชัยยุทธ สุดประเสริฐ กำนันตำบลท่าหลวง เปิดเผยว่า สะพาน 200 ปี แห่งนี้ได้ก่อสร้างเมื่อครั้งฉลอง 200 ปีกรุงรัตนโกสินทร์ ใช้สัญจรระหว่างชาวบ้าน หมู่ 5 และ 6 ต.บ้าน หลวง และเพิ่งซ่อมใหญ่เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา งบประมาณ 8 ล้านบาท หลังซ่อมเสร็จ สะพานทรุดในด้านซ้าย สะลิงมีลักษณะสั่นคลอน และแจ้งประชาชนให้ใช้สะพานด้วยความระมัดระวัง อย่าพยายามขึ้นไปเดินจำนวนมาก เนื่องจากเกรงจะเกิดอันตราย และประสานเทศบาลตำบลท่าหลวงเร่งมาซ่อมแซม แต่ก็มาเกิดเหตุสลดขึ้นจนได้ ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุที่วัดสะตือมีการจัดตลาดนัดในวันหยุด จึงมีประชาชนจำนวนมากใช้เส้นทางสัญจรไปมา โดยสะพานดังกล่าวใช้ได้เฉพาะรถจยย.และคนเดินเท่านั้น ส่วนรถใหญ่ไม่สามารถผ่านได้ ระหว่างเกิดเหตุชาวบ้านแจ้งว่ามีเสียงดังคล้ายสายลวดสะลิงขาดกลางสะพานด้านซ้าย จากนั้นสะพานพลิกม้วนคว่ำลงแล้วขาด ทำให้คนที่อยู่บนสะพานกว่า 20 คนและกำลังขับขี่จยย.ข้าม 4 คันร่วงจากสะพาน หลายคนถูกชิ้นส่วนสะพานที่เป็นคอนกรีตตกลงไปทับทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 
นอกจากนี้ นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญ วรกุล นายกอบจ.พระนครศรีอยุธยา และพล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผบก.ภ.จ. พระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมสั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่นายประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ร.พ.ท่าเรือด้วย



ด้านนายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เบื้องต้นสาเหตุน่าจะเกิดจากลวดสะลิงที่ใช้ขึงสะพานของวัดสะตือ ต.ท่าหลวง เกิดขาดทำให้กลางสะพานหักลงไปในแม่น้ำป่าสัก และคอสะพานกระแทกเข้ากับพื้นดิน ส่งผลให้ชาวบ้านที่ใช้สะพานสัญจรข้ามไปมา ระหว่าง ม.5 บริเวณเขื่อนพระราม 6 ข้ามไป ม.6 วัดสะตือ ตกลงมาได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และในวันนี้บริเวณวัดสะตือ มีตลาดนัดเปิดท้ายขายของทําให้ประชาชนละแวกใกล้เคียงอาศัยสะพานแห่งนี้ข้ามมาซื้อสินค้าจํานวนมาก ซึ่งก็อาจจะทําให้สะพานซึ่งมี สภาพเก่าแก่รับน้ำหนักไม่ไหวจึงพังครืนลงมาทับผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามคงต้องให้วิศวกรที่ควบคุมการก่อสร้างของเทศบาล ต.ท่าหลวง ได้เข้ามาตรวจสอบโครงสร้างสะพานดังกล่าวอีกครั้งเพื่อสรุปถึงสาเหตุที่แท้จริงต่อไป 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สําหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตที่พบศพแล้ว จํานวน 6 ราย ประกอบด้วย ด.ญ.ปิริยาพร เสือสมิง อายุ 10 ขวบ นายสามารถ ญานปัญญา อายุ 33 ปี น.ส.เกศิณี ชบาศรี อายุ 54 ปี นายณัฐวุฒิ ใจจง อายุ 24 ปี รวมทั้งชายยังไม่ทราบชื่ออีก 2 คน 

ส่วนผู้บาดเจ็บ ประกอบด้วย ด.ช.วาธิชัย ญานปัญญา อายุ 5 ขวบ นายจักรกฤษ แก่นวงศษ์ อายุ 37 ปี ด.ญ.สุธิดา ลัดดาอ่อน อายุ 9 ขวบ น.ส.สุวนัน พวงทอง อายุ 16 ปี นางดวงแข นิรันดร์สุข อายุ 39 ปี น.ส.กฤติยา สมอาจ อายุ 20 ปี น.ส.สุกานดา ขุนช้าง อายุ 33 ปี น.ส.รุ่งนภา แก้วสิทธิ์ อายุ 31 ปี และ ด.ญ.อรธิชา ลือดาว อายุ 3 ขวบ โดยผู้บาดเจ็บถูกกระจายนําส่ง 4 ร.พ. ประกอบด้วย ร.พ.ท่าเรือ ร.พ.ดอนพุด ร.พ.ภาชี และ ร.พ.บ้านหมอ

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

แกเร็ธ เบล กวาดเรียบ รางวัลนักเตะแห่งปี+ดาวรุ่ง ซัวเรซมาแค่ชื่อยังโดนโห่

บีบีซีรายงานวันที่ 28 เม.ย. ว่า แกเร็ธ เบล นักเตะดาวดังของทีมไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ คว้ารางวัลนักเตะแห่งปี และนักเตะดาวรุ่งแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) พร้อมกัน โดยเป็นนักเตะคนที่ 3 ต่อจากแอนดี้ เกรย์ (ฤดูกาล 1976-77) และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ฤดูกาล 2006-07) ที่คว้าทั้งสองรางวัลในฤดูกาลเดียวกัน

 "เป็นเกียรติอย่างยิ่งยวดครับ การได้รับคะแนนโหวตจากเพื่อนนักเตะ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดอย่างหนึ่งในเกม ถ้าคุณดูรายชื่อผู้เข้าชิงอื่นๆ ที่ล้วนเป็นนักเตะชั้นยอด นี่เป็นปีที่เหลือเชื่อ และผมไม่มีทางคว้ารางวัลนี้ได้ถ้าไม่มีเพื่อนร่วมทีม และไม่มีผู้จัดการทีม (อังเดร วิลลาส-โบอาส) ดังนั้นผมขอบคุณพวกเขามากๆ" เบลกล่าว หลังมีคะแนนชนะหลุยส์ ซัวเรซของลิเวอร์พูล และโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 ผลงานของเบลในฤดูกาลนี้ เล่น 29 นัด ยิง 19 ประตู มีส่วนส่งให้เพื่อนยิง 4 ประตู  เบลเคยคว้าตำแหน่งนักเตะแห่งปีมาแล้วเมื่อฤดูกาล 2010-11 ส่วนฟานเพอร์ซี่เคยครองตำแหน่งนี้ในฤดูกาลที่แล้วในนามนักเตะอาร์เซนอล ด้านซัวเรซ โดนโห่สองครั้งช่วงที่มีผู้ขานชื่อติดกลุ่มนักเตะทีมแห่งปีในพิธีประกาศรางวัล หลังจากเพิ่งก่อเหตุกัดในเกมจนถูกแบน 10 นัด

 สำหรับนักเตะทีมแห่งปีพรีเมียร์ลีก มีดังนี้
 ดาวิด เดอ เกีย (ดาบิด เดเคอา) จากแมนยู ปาโบล ซาบาเลต้า จากแมนซิตี้ แยน เวอร์ตองเกน จากสเปอร์ ริโอ เฟอร์ดินานด์ จากแมนยู เลห์ตัน เบนส์ จากเอฟเวอร์ตันไมเคิล คาร์ริก จากแมนยู ฮวน มาต้า จากเชลซี แกเร็ธ เบล จากสเปอร์ หลุยส์ ซัวเรซ จากลิเวอร์พูล เอเดน ฮาซาร์ด จากเชลซี และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จากแมนยู

 รางวัลพิเศษโค้ชทรงคุณค่า ได้แก่ เอริก แฮร์ริสัน ในฐานะที่มีบทบาทพัฒนานักเตะจากสถาบันแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อคาเดมี ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 


ที่มา ข่าวสดออนไลน์  http://www.khaosod.co.th/

รูนีย์ขึ้นแท่นแข้งรวยสุดในพรีเมียร์ลีก


เวย์น รูนีย์ กองหน้า “ผีแดง”แมนฯ ยู ครองตำแหน่งนักฟุตบอลที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จากการจัดอันดับของซันเดย์ ไทม์ส สื่อดังเมืองผู้ดี โดยมีทรัพย์สิน 51 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 6 ล้านปอนด์หรือ 270 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งมี 45 ล้านปอนด์ และมากกว่าอันดับสอง ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังเพื่อนร่วมสังกัด 9 ล้านปอนด์ โดยทั้งรูนีย์ และเฟอร์ดิานด์ ถือเป็นสองนักเตะจาก 24 รายของลีกผู้ดีที่มีชื่อติดใน 100 อันดับนักกีฬาที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดของสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ 

 สรุป 10 อันดับนักฟุตบอลที่ร่ำรวยมากที่สุดของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 1. เวย์น รูนีย์ (อังกฤษ/แมนฯ ยู) 51 ล้านปอนด์ (2,295 ล้านบาท) 2. ริโอ เฟอร์ดินานด์ (อังกฤษ/แมนฯ ยู) 42 ล้านปอนด์ (1,890 ล้านบาท) 3. ไมเคิล โอเว่น (อังกฤษ/สโต๊ก) 38 ล้านปอนด์ (1,710 ล้านบาท) 4. ไรอัน กิ๊กส์ (เวลส์/แมนฯ ยู) 34 ล้านปอนด์ (1,530 ล้านบาท) 4. แฟรงก์ แลมพาร์ด (อังกฤษ/เชลซี) 34 ล้านปอนด์ (1,530 ล้านบาท) 6. สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด (อังกฤษ/ลิเวอร์พูล) 33 ล้านปอนด์ (1,485 ล้านบาท) 7. เฟอร์นันโด ตอร์เรส (สเปน/เชลซี) 26 ล้านปอนด์ (1,170 ล้านบาท) 8. จอห์น เทอร์รี่ (อังกฤษ/เชลซี) 24 ล้านปอนด์ (1,080 ล้านบาท) 9. โจ โคล (อังกฤษ/เวสต์แฮม) 21 ล้านปอนด์ (945 ล้านบาท) 10. ปีเตอร์ เช็ก (สาธารณรัฐเช็ก/เชลซี) 20 ล้านปอนด์ (900 ล้านบาท)

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ผวาตัวบุ้งลายนับหมื่นบุกเข้าบ้าน


เมื่อ 28 เมษายน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ริมถนนมิตรภาพคู่ขนาน ตั้งแต่เยื้อง สถานีตำรวจภูธร ปากช่อง จ. นครราชสีมา ตลอดไปจนถึงตรงข้ามธนาคารกสิกรไทย สาขาปากช่อง ว่าได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากถูกตัวบุ้งลายที่กัดกินใบ คูน หรือต้นชัยพฤกษ์ ที่ทางเทศบาลเมืองปากช่อง นำมาปลูกบริเวณเกาะกลางถนน ระยะทางเกือบ 1 กม.หลังกัดกินใบคูนจนเหี้ยนหมดต้นแล้ว ก็ล่นจากต้นลงดินตัวบุ้งลายนับหมื่นตัวคืบคลานข้ามถนนเข้าไปในบ้าน และไต่ขึ้นตามล้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่จอดริมถนน เกาะเต็มไปหมด สร้างความผวา รถบางคันนำไปจอดไว้พาครอบครัวไปรับประทานอาหาร เนื่องจากตลอดย่านนั้นตลอดเส้นทาง เป็นย่านร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้ามต้ม จำนวนมาก กลับมาที่รถปรากฏว่าพบตัวบุ้งลายเกาะเต็มด้านในเก๋งรถ  

นอกจากนี้ยังพบว่าบุ้งลายสามารถกัดกินในคูนต้นขนาดใหญ่ หมดเกลี้ยงภายใน 1 คืน เหลือแต่ซากกิ่งใบลักษณะบุ้งลายมีความยาวประมาณ 5 ซ.ม.หรือนิ้วครึ่ง ตัวเป็นสีเขียวอ่อนบนเหลือง และด้านหลังมีสีเหลืองยาวหัวจรดปลายตัวไม่มีขนแข็ง 

ด้านนายคมกฤษณ์  ลิ้มปัญญาเลิศ นายกเทศมนตรีเมืองปากช่อง  กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน ของทุกปี ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ต้นคูน ที่ปลูกไว้บริเวณเกาะกลางถนน กว่า 300 ต้น จะออกดอกเป็นสีเหลือเติมต้นสวยงามมาก แต่หลังจากนั้นดอกก็จะโรยและปริใบออกมาแทน  และมีตัวผีเสื้อลายขนดเล็กที่วางขาไว้ในดิน แตกออกมาเป็นตัวบุ้งมากัดกิน ทางเทศบาลก็ได้รับแจ้งจากประชาชน ให้นำยาฆ่าแมลงไปฉีดพ่นเพื่อกำจัดตัวบุ้ง  แต่เห็นว่าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนและสัตว์เลี้ยงในบ้าน เนื่องจากเป็นชุ่มชนเกรงว่าละอองสารเคมีจะปลิวเข้าบ้าน จึงไม่กล้าส่งเจ้าหน้าที่ไป  เห็นว่าวงจรชีวิตไม่กี่วันบุ้งพวกนี้ก็จะกลายเป็นดักแด้และออกมาเป็นตัวผีเสื้อ ก็จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบและตัวบุ้งชนิดนี้ไม่น่าจะมีพิษกับคน 


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ไอรอนแมน 3 กวาดเงินทั่วโลก รัศมีกลบแชมป์

อันดับหนังทำเงินฮอลลีวู้ด สุดสัปดาห์ที่ 26-28 เม.ย. ความสนใจของสื่ออเมริกันเบนไปที่รายได้หนังนอกอเมริกามากกว่าในประเทศ เพราะ Iron Man 3 ทุบสถิติโกยเงินตลาดต่างประเทศเหนือกว่ายอดมนุษย์ The Avengers ของปีก่อนที่ไอรอนแมนก็ร่วมทีมดารานำอยู่ด้วย และมากกว่าไอรอนแมน ภาค 2 โดยกวาดไปแล้ว 195.3 ล้านดอลลาร์ จาก 42 ประเทศ เป็นฝั่งเอเชียอยู่หลายชาติ ไม่ว่า ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ครองอันดับ 1 ได้หมด




 ค่ายดิสนีย์ ผู้จัดจำหน่ายเชื่อว่า เมื่อหนังเปิดตัวในอเมริกา วันที่ 3 พ.ค.นี้ จะต้องโกยรายได้อีกอื้อซ่า จากการพูดกันปากต่อปากในตลาดต่างแดน



 กลับมาที่บ๊อกซ์ ออฟฟิศ ในอเมริกา แชมป์ประจำสัปดาห์ตกเป็นของ Pain & Gain เรื่องราวจริงของนักเพาะกาย ผลงานของไมเคิล เบย์ นำแสดงโดย ดเวย์น จอห์นสัน และมาร์ก วอห์ลเบิร์ก ทำได้ 20 ล้านดอลลาร์ ถือว่าสูงอยู่พอสมควร หลังจากโดนนักวิจารณ์จวกไปเยอะ ราวๆ 47% แต่คนดู 59% กลับชอบ

 อันดับ 2 หนังของทอม ครูซ  Oblivion ทำได้อีก 17.4 ล้านดอลลาร์ ส่วนตลาดนอกสหรัฐ โกยได้ 12.8 ล้าน ตามมาด้วยอันดับ 3 หนังตัวเลข "42" เก็บเพิ่ม 10.7 ล้าน ขณะที่อันดับ 4 The Big Wedding ทำได้ 7.5 ล้าน และปิดท้ายท็อปไฟว์ที่ The Croods ทำเพิ่มอีก 6.6 ล้านดอลลาร์


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

‘ธัญญ่า’ เผยลุ้นงานผู้จัด ปัดทำละครเมียหลวงเมียน้อย -รับออกรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” เจอคำถามแรง


เมื่อ 27 เม.ย. นักแสดงสาว ‘ธัญญ่า’ธัญญาเรศ เองตระกูล ที่มาร่วมงานแถลงข่าว ท้าพิสูจน์ น้ำซุปเด็ด “ซุปถึงรส ซดเดียวอยู่” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ เผยว่า “สำหรับงานการเป็นผู้จัดตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า แค่ยื่นเรื่องไปแล้วรอผู้ใหญ่ดูอยู่ ยังไม่ได้คำตอบ เราก็แค่ยื่นเรื่องเข้าไปแค่นั้นเอง โดยเรื่องที่เสนอไปก็มีแนวคอมเมดี้ แล้วก็ดราม่า ส่งไปสองเรื่องค่ะ” คนแซวว่าเราจะทำแนวเมียหลวงเมียน้อยไหม ธัญญ่าปฏิเสธ “ไม่ๆๆค่ะ ไม่มีค่ะ" และไม่ได้คิดว่าอยากทำแนวนี้ เราอ่านเรื่องอะไรที่เราสนุกเราก็เสนอไป ตอนนี้ส่งไปแล้วเราไม่รู้ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน”

ต่อจ้อถามถึงเรื่องที่ไปออกรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทางช่อง 8 หลายคนมองว่าเป็นการตอกย้ำอะไรอีกไหมเรื่องข่าวมือที่สามที่ผ่านมา ดาราสาวปฏิเสธ “ไม่นะคะ คือจริงๆ ที่เราไปออก เราไม่ได้คิด ไม่เคยรู้ว่าคำถามมันจะแรงหรือมาแนวนี้ แต่ตอนไปออก พี่ก้อง-ปิยะ บอกไว้ว่าอาจารย์ยิ่งศักดิ์จะถามแรงนะ เราก็คิดว่าเฮ้ยจริงเหรอ แต่พอได้ไปออกแล้วคำถามมันก็แรง แต่ตัวเราก็ไม่ได้ตอบแรง ตอบให้มันซอฟต์ที่สุดค่ะ”

ถามถึงฟีดแบ็ก ธัญญ่ากล่าวว่า “คนก็ดูเยอะ เขาก็บอกว่าคำถามแรง แต่เราตอบโอเค”
 ตอนนี้กับสามี ‘เป๊ก-สัณชัย’ ยังแฮปปี้ดีไหม “ณ ตอนนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันค่ะ

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

"แม่วิว"เฉยลูกสาวสนิท"หมาก" ชี้เป็นไปตามวัย-ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย

พระเอกหนุ่ม "หมาก"ปริญ สุภารัตน์ รับไปเที่ยวเชียงใหม่กับดาราสาว "วิว"วรรณรท สนธิไชย เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา แถมยังพาไปให้พ่อแม่รู้จัก พร้อมออกโรงป้องที่ดาราสาวโพสต์ภาพโซฟาในคอนโดฯ ตัวเองเมื่อวันทีี่ไปเจอพ่อแม่ที่นั่น ด้านแม่ดาราสาวบอกเฉยๆ ที่ลูกสาวมีข่าว เพราะเป็นไปตามวัย รับเคยเจอหมากแต่ไม่สนิท
ทั้งนี้หมากเผยว่า "ไม่ได้ตั้งใจพาไปเจอพ่อแม่ เป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า ก็พาไปทักทายสวัสดี กับวิวตอนนี้ก็สนิท คนเรามีจังหวะที่ห่างและกลับมาสนิทกันได้ ถามว่าอีกนานไหมกว่าจะเรียกแฟน ไม่รู้ครับ เป็นเรื่องอนาคต"
วิวขึ้นรูปโซฟา เหมือนโซฟาบนคอนโดฯ หมาก คนมองแง่ ไม่ดีว่าขึ้นคอนโดฯ ผู้ชาย "ตอนนั้นล่ะครับที่พาไปเจอคุณพ่อ คุณแม่ ท่านก็อยู่ในห้องนั้น วันนั้นเราไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง มีพ่อแม่และพี่สาวอยู่ด้วย ไม่อยากให้ใครมองเขาในภาพลบ"

เคยไปกินข้าวกับครอบครัววิวไหม "มีครับ แต่นานแล้ว"

ด้านคุณแม่ "เบญจวรรณ สนธิไชย" แม่ของ วิว-วรรณรท" กล่าวว่า "ช่วงสงกรานต์น้องวิวไปเชียงใหม่กับคุณพ่อ เพราะคุณพ่อไปทำงานที่นั่นพอดี แม่ไม่ได้ไปด้วย แต่วิวจะส่งข่าวส่งรูปมาให้ดูตลอดว่าเจอใครบ้าง ถ้าถามแม่ แม่รู้สึกว่าก็ เหมือนเด็กๆ ทั่วไปที่รู้จักกันไปเที่ยวไปกินข้าวกัน ไม่ได้ซีเรียส ไม่ได้หวงน้องแต่จะบอกเขาเสมอว่าเพิ่งอายุแค่นี้ยังมีเวลาอีกเยอะ รู้จักใครก็คุยได้ปกติ แต่จะเน้นเรื่องงานและเรียน"

เจอหมากบ่อยไหม "ไม่ค่ะ จะเจอตามงานมากกว่า เขาก็เข้ามาสวัสดี แต่ถ้าจะสนิทน่าจะเป็นนักแสดงเอ็กแซ็กท์ แล้วที่น้องวิวกับหมากสนิทกัน อาจเพราะน้องวิวสนิทกับบอม ลูกชายพี่นก-สินจัย เลยทำให้รู้จักสนิทกันด้วย"

ข่าวมีมาตลอดไม่จบ แอบเครียดไหม "ไม่เครียดค่ะ เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย เฉยๆ กับการที่มีข่าว"

คุณแม่จะว่าอย่างไร ถ้าน้องมีคนรู้ใจจริงๆ "แม่ว่าไม่ถึงกับรู้ใจ ถ้าพูดจริงๆ พวกเราก็เคยผ่านชีวิตช่วงนั้นวัยนั้นมาแล้ว ก็ต้องมีคนที่เรารู้จัก คุยถูกคอกัน หรือชอบคล้ายๆ กัน ก็คบกันคุยเป็นเพื่อนไป แต่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง เลยมองว่าเรื่องตรงนี้ทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรต้องซีเรียส แม่ก็อยู่กับน้องทุกวัน เราจะรู้ว่าเขาทำอะไรยังไง"


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

"แม่กระแต"ฮึ่มฟ้องร้องคนโพสต์ด่า หวังลดข้อความรุนแรง-น้อมรับคำติ

หลังนักร้องสาว "กระแต อาร์สยาม"นิภาพร บุญยะเลี้ยง เข้ารับการผ่าตัดกล่องเสียง นาง ปรานอม บุญยะเลี้ยง คุณแม่นักร้องสาวได้แถลงอาการลูกสาวว่า "ตอนนี้น้องกระแตพูดไม่ได้ ไม่มีเสียง คุณหมอให้งดใช้เสียง 1 เดือน คุณหมอ บอกน้องสามารถไปงานได้ แต่ร้องเพลงไม่ได้ ต้องใช้วิธีลิปซิ้งก์เอาเพราะรับงานไว้ยาว"

กลัวงานหดไหม "กลัวเจ้าภาพว่า ว่าเสียงไม่ดีแล้วยังเอามาโชว์ แม่และน้องกังวลตรงนี้อยู่แล้ว กลัวเสียงจะไม่กลับมาเหมือนเดิม"

ถามถึงความรู้สึกที่มีคนโพสต์ว่าผ่านในอินสตาแกรม คุณแม่ ปรานอม กล่าวว่า "ในอินสตาแกรมโพสต์ว่าแม่แรงมาก แม่ไม่ได้ไปเกี่ยวด้วย คนเป็นลูกก็ต้องเครียดเป็นธรรมดา จะโพสต์มาติ ชม ว่าน้องได้เพราะน้องเป็นคนของประชาชน แต่อย่าเอาผู้ใหญ่มายุ่งเกี่ยวด้วย คำพูดไม่เพราะ สงสารน้อง ตัวกระแตกังวลตรงนี้ มาขอโทษแม่ ไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิด แม่ก็บอกไม่เป็นไร ก็มีไป ปรึกษาทนายความที่เป็นเพื่อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย"

จะฟ้องร้องหรือเปล่า "แม่เตรียมเรื่อง รวบรวมหลักฐานไว้แล้ว แต่จะให้โอกาสคนที่เข้ามาโพสต์ด่าลดคำพูดในการโพสต์ ส่วนจะฟ้องข้อหาอะไรต้องว่ากันอีกที การมาโพสต์แบบนี้ทำให้คนมองน้องเสียไปหมด ถามว่าเรียกขู่ไหม เรียกว่าเป็นการเตือนดีกว่าว่าอยากให้ทำตัวให้ดี ไม่ด่ากันรุนแรง เราให้อภัยเสมอ อโหสิกรรมกันไป แต่ถ้าไม่หยุดเราก็ต้องดูว่าจะฟ้องหรือไม่"

ต่อข้อถามที่ว่าพระเอกคนที่เป็นข่าวเข้ามาขอขมาแม่จริงหรือเปล่า แม่นักร้องสาวตอบ "กระแตมีเพื่อนเยอะ คนไหนเข้ามาบ้านรักชอบทุกคนเพราะบ้านแม่สนุก ใครมาก็อยากมาอีก ถามว่าเขาเข้ามาจริงไหม เข้ามาอยู่ช่วงนึงที่ไปคอนเสิร์ตต้องมาเต้นมาทำความรู้จักกัน เพราะเพื่อนน้องทั้งเพื่อนเรียนเพื่อนดาราจะเข้ามาหาแม่ทุกคน แม่ก็ยินดี"



ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

เกาหลีใต้ร้องฝั่งเหนือยอมเจรจากู้วิกฤต “แกซอง”

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ว่า ทางการเกาหลีใต้ยื่นข้อเสนอต่อฝั่งเหนือ ขอให้มีการเปิดโต๊ะเจรจาอย่างเป็นทางการ เพื่อหาทางแก้ไขวิกฤตที่นิคมอุตสาหกรรมร่วมระหว่างทั้ง 2 ชาติ ซึ่งต้องปิดตัวมาแล้วเกือบ 1 เดือน พร้อมกับเตือนว่า หากเปียงยางปฏิเสธ โซลอาจต้องใช้มาตรการที่ “รุนแรง” กว่านี้

นายคิม ฮยอน-ซ็อก โฆษกกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้ แถลงว่า รัฐบาลโซลขอความร่วมมือจากฝั่งเหนือ ในการหันหน้ามาเจรจาอย่างสันติ เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ในนิคมอุตสาหกรรม “แกซอง” ที่จำเป็นต้องปิดทำการมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ทั้งนี้ ฝั่งใต้จะให้เวลารัฐบาลเปียงยาง 1 วัน ในการพิจารณาเตรียมตัว โดยต้องตอบกลับมาภายในวันศุกร์นี้ ซึ่งหากไม่ได้รับคำตอบ หรือเป็นการแสดงท่าทีปฏิเสธ ทางเกาหลีใต้อาจจำเป็นต้องยกระดับมาตรการกระตุ้นการเจรจา ให้มีความเข้มข้นและรุนแรงขึ้นกว่านี้
 
วิกฤตการณ์ความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีที่ตึงเครียดหนัก จนอาจกระตุ้นให้มีการใช้กำลังทางทหาร เริ่มลุกลามมาสู่นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. เมื่อรัฐบาลเปียงยางสั่งห้ามไม่ให้ชาวเกาหลีใต้เดินทางข้ามฝั่งเข้าไปภายในนิคมแกซองอย่างไม่มีกำหนด แต่ให้เดินทางกลับได้อย่างเดียวและห้ามกลับเข้ามาอีก ถัดมาในวันที่ 9 เม.ย. เกาหลีเหนือสั่งถอนคนงานของตนกว่า 50,000 คน ออกจากพื้นที่ และข่มขู่จะปิดนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้เป็นการถาวร สร้างความตกตะลึงให้แก่นานาชาติอย่างมาก โดยเฉพาะเกาหลีใต้ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน 123 แห่ง ถือเป็น “เส้นเลือดใหญ่” ที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวฝั่งเหนือ
 
รายงานล่าสุดระบุว่า ปัจจุบันยังมีชาวเกาหลีใต้อยู่ภายในเขตนิคมแกซองอีก 176 คน จากทั้งหมด 850 คน ซึ่งทุกคนยืนยันว่า ยังปลอดภัยดี
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์ http://www.dailynews.co.th

เอมมี่ มรกต กิตติสาระ อวดหุ่นเป๊ะอิมเมจ แม็กกาซีน








ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

หึงเลือดขึ้นหน้าฆ่ารัดคอสาวหมกโรงแรมร้างกว่า2สัปดาห์ ตร.ตามรวบกิ๊กหนุ่มเพื่อนร่วมโรงงาน

 เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 เม.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.ท.วิษณุ รักดี ร้อยเวรสภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตที่บริเวณโรงแรมร้าง ถนนสายบ้านพุยาง-หนองไก่ขัน หมู่ 14 ต.เขาขลุง จึงพร้อม พ.ต.อ.อิทธิพล ชลายนเดชะ ผกก.สภ.บ้านโป่ง เจ้าหน้าที่วิทยาการจังหวัดราชบุรี และมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นโรงแรมม่านรูดที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ปล่อยทิ้งให้รกร้างไว้ ในห้องแรก พบศพ น.ส.นุชจรี จามัก หรือ ส้ม อายุ 23 ปี อยู่ ม.14 ต.เขาขลุง อยู่ในชุดทำงานโรงงานคราวน์เซรามิค สภาพนอนหงายห้อยบนเตียงปูน ที่ลำคอมีผ้าขนหนูรัดจนแน่น ศพเริ่มเน่าเฟะจนจำใบไม่ได้ คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 อาทิตย์ ทรัพย์สินในตัวพบสร้อยคอทองคำ 1 เส้น เงินสดจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน-ขาว ทะเบียน คจฉ-416 ราชบุรี จอดอยู่ข้างเตียงที่พบศพด้วย

 นางสารภี ช่อชะลูด อายุ 43 ปี ผู้เป็นแม่ ให้การว่า วันที่ 8 เม.ย. เวลา 16.30 น. ลูกสาวโทรจากโรงงานบอกว่าจะไปกับเพื่อนที่อ.ท่ามะกา  แล้วก็หายตัวไปและไม่ติดต่อกลับมาเลย รุ่งขึ้นจึงได้แจ้งความไว้ที่ สภ.บ้านโป่ง

 ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายบรรพต เกิดเทวา อายุ 30 ปี เพื่อนชายที่อยู่โรงงานเดียวกันมาสอบ ตอนแรกให้การปฏิเสธ แต่พูดจาวกวนน่าสงสัย จนที่สุดก็ยอมรับสารภาพสิ้นว่าเป็นผู้ลงมือสังหารแฟนสาว ด้วยมือตัวเอง เพราะเกิดความหึงหวงที่พบแฟนสาวไปเที่ยวกับชายหนุ่มคนอื่น โดยวันที่ 8 เม.ย. ได้นัด น.ส.นุชจรี แฟนสาวให้ออกมาพบ บอกว่า จะไปเปลี่ยนสร้อยทองให้ใหม่ จะเพิ่มให้มากกว่าเดิม แต่ให้มาพบกันที่โรงแรมร้างก่อน ซึ่ง น.ส.นุชจรีก็ยอมมาพบด้วย แต่นึกไม่ถึงว่า นายบรรพต จะหึงหวงพูดจาตกลงกันไม่รู้เรื่อง จนระงับสติอารมณ์ไม่อยู่ใช้ผ้าขนหนูของแฟนสาวรัดคอจนขาดใจเสียชีวิตคามือ

 และเมื่อเวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที โดยไม่ให้ญาติๆของผู้ตายทราบ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการลงมือประชาทัณฑ์ของญาติๆ จำนวนมาก ที่ยังมีความโกรธแค้นอยู่ 


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ซอ จียอน โต้ข่าวมือที่สาม "อาร์-เจี๊ยบ"


 วันที่ 25 เม.ย. ที่ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ มิลเลนเนียม สุขุมวิท นักแสดง-นักร้องสาว ‘ซอ จียอน’ มาร่วมงานแถลงข่าว “โฉมใหม่ช่อง One” หลังจากงานแถลงข่าวเสร็จสิ้น ‘ซอ จียอน’ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องราวความรัก พร้อมปฏิเสธข่าวมือที่สามระหว่างคู่ของนักร้องหนุ่ม ‘อาร์‘อาณัตพล ศิริชุมแสง และดาราสาว ‘เจี๊ยบ’ชมพูนุช ปิยะธรรมชัย 

 โดย ‘ซอ จียอน’ กล่าวว่า “เรื่องหัวใจตอนนี้ยังไม่มีใครค่ะ โสดร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนข่าวที่ว่ากิ๊กกับพี่อาร์นั้น ไม่ทราบว่ามีข่าวออกมาได้ยังไง แต่ส่วนตัวสนิทกับพี่อาร์และพี่บี้(สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้วฉ)อยู่แล้ว เพราะเล่นซิทคอม ‘นัดกับนัด’ ด้วยกัน แล้วที่สนิทกันก็ไม่ได้หมายถึงว่าคุยกันทุกวันด้วย แต่ด้วยความที่จียอนเล่นซิทคอมเรื่องนี้มา 3 ปีแล้ว มันเหมือนครอบครัวเดียวกัน เวลาว่างก็นัดกันไปกินข้าวและเที่ยวกันตามปกติ ไม่มีอะไรค่ะ อีกอย่างพี่อาร์ไม่มีท่าทีมาจีบด้วย เรียกว่าสนิทและรู้จักกันในแบบพี่น้องมากกว่าค่ะ”

 ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนตอนนี้อาร์จะสนิทกับจียอนมากขึ้นหรือเปล่า ดาราสางกล่าวว่า “หลังจากที่ได้รับบทบาทเป็นแฟนกันในเรื่อง เราก็มีเวิร์คช้อปบ้าง พยายามอินกับตัวละครในเรื่องเพื่อที่แสดงให้ชัดเจน แต่ถ้าเป็นนอกจอไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีกิ๊กกันนอกบทค่ะ(หัวเราะ) อย่างที่บอกเวลาว่างก็ไปกินข้าวด้วยกันเหมือนเขาเป็นพี่ชาย”

 ต่อข้อถามว่า ข่าวที่ออกมาเหมือนกับว่าจียอนเป็นมือที่สามทำให้ ‘อาร์’ กับ ‘เจี๊ยบ’ เลิกรากัน นักร้องสาวหัวเราะพร้อมตอบว่า “เหรอค่ะ เรื่องส่วนตัวของพี่อาร์กับพี่เจี๊ยบ จียอนก็ไม่รู้เหมือนกัน ต้องไปถามเขาทั้งคู่โดยตรงจะดีที่สุด แต่ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับพี่อาร์เกินเลยกว่านั้น ส่วนตัวจียอนก็รู้จักกับพี่เจี๊ยบ ซึ่งพี่อาร์ก็เคยพาพี่เจี๊ยบมาที่กองถ่ายด้วยและไปกินข้าวด้วยกัน ถามว่ามีข่าวจียอนเป็นมือสามที่ออกมมาแล้วจะต้องโทร.ไปเคลียร์กับพี่เจี๊ยบไหม ปกติไม่ค่อยได้คุยกับพี่เจี๊ยบเพราะไม่มีเบอร์โทรศัพท์ แค่ตามฟอลโล่วพี่เขาในอินสตาแกรมเท่านั้นค่ะ”

 ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แล้วข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ‘จียอน’ กล่าวว่า “ไม่ทราบจริงๆ เวลาที่จียอนไปไหนมาไหนก็ไม่เคยไปด้วยกันกับพี่อาร์สองคน ก็ยังงงเหมือนกันที่มีข่าวออกมา ถามว่าพอรู้ไหมว่าพี่เขาสองคนเลิกกันแล้ว พอรู้บ้างค่ะ แต่เวลาอยู่กองถ่ายพี่อาร์ไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว”


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

อัยการฟ้อง "จอย ศิริลักษณ์" ร่วมพันธมิตรฯ ชุมนุมปิดสนามบิน พ.ย.51


 วันที่ 25 เม.ย. เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องน.ส.ศิริลักษณ์ หรือจอย ผ่องโชค อดีตดารานักแสดง ซึ่งเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และฝ่าฝืนพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีร่วมกับแกนนำพันธมิตรฯ พาผู้ชุมนุมปิดล้อมท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเดือน พ.ย.-ธ.ค.51      

 โดยศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1522/2556 และนัดสอบคำให้การจำเลยวันที่ 29 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น. พร้อมกับคดีที่อัยการได้ยื่นฟ้องพล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กับพวกไป 6 สำนวนแล้ว รวม 93 คน จากผู้ต้องหาทั้งสิ้น 114 คนที่อัยการมีความเห็นสั่งให้ฟ้อง

 ภายหลังยื่นฟ้องแล้วน.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์  ส.ว.เพชรบุรี ได้ใช้ตำแหน่งเป็นหลักทรัพย์ ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว น.ส.ศิริลักษณ์ ซึ่งศาลพิจารณาให้ประกันโดยตีราคาประกัน 6 แสนบาท

 ขณะเดียวกันวันนี้ นายสำราญ รอดเพชร ,นาย สมศักดิ์ โกศัยสุข, น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก , นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ,นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ,นายสุชาติ ศรีสังข์ และ นายกิตติชัย ใสสะอาด 7 แนวร่วม พธม.ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยชุดแรกในคดีเดียวกันนี้ ได้เดินทางมายื่นคำร้องพร้อมหล้กทรัพย์ เป็นเงินจากกองทุนยุติธรรม รายละ 6 แสนบาท จำนวน 6 คนขอปล่อยชั่วคราวด้วย มีเพียงนายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตแกนนำ พธม. ที่ใช้หลักทรัพย์บ้านและที่ดินมูลค่า 1 ล้านกว่าบาท ขอปล่อยชั่วคราว

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ชาวกัมพูชาฮือฮา! ตม.กาบเชิงติดตั้งรูปปั้น"จ่าเฮง" (ชมภาพ)

เมื่อ 25 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.บวรศักดิ์ คำรังสี รองสารวัตร ด่านตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง บก.ตม.4 อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พร้อม ด.ต.บำรุงชัย เจตนา ผบ.หมู่. ด่าน ตม.กาบเชิง จ.ส.ต.นพดล ทาบทา ผบ.หมู่. ด่าน ตม.กาบเชิง ร่วมกันติดตั้งหุ่นปั้นตำรวจ (จ่าเฉย) หรือ ประชาชนชาวกัมพูชาเรียกรูปปั้นนี้ว่า จ่าเฮง โดยหลังติดตั้งเสร็จมีชาวกัมพูชาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เดินทางมาถ่ายรูปตลอดทั้งวัน

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

เอมมี่เปิดใจกรณี"ฮาเวิร์ด หวัง" ขอโทษทำให้ฝ่ายชายมาเมืองไทยจนถูกจับ-พร้อมแจงข่าวแอบคบตากล้อง


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 เม.ย. น.ส.อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์ หรือ ‘เอมมี่ แม็กซิม’ อายุ 28 ปี อดีตแฟนสาวนักร้องหนุ่มที่กำลังเป็นข่าวฉาว ‘ฮาเวิร์ด หวัง’ เดินทางมาที่ สตูดิโอ สตาร์แม็กซ์ ลาดพร้าว 15 เพื่อบันทึกเทปรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ช่องสตาร์แม็กซ์ เลข 12 โดยมี ‘อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์’ เป็นผู้ดำเนินรายการ เพื่อเปิดใจกรณีที่ ‘ฮาเวิร์ด’ ได้บุกบ้านและทุบกระจกหน้าต่างเพื่อจะเข้าไปหา พร้อมทั้งเขียนตัวอักษรด้วยเลือดว่า “I love you but you don?t” เมื่อกลางดึกวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้จับกุมนักร้องหนุ่มกลางห้างดังย่านรัชดาภิเษก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากบันทึกเทปรายการเสร็จ ‘เอมมี่’ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มาทำข่าวจำนวนมาก โดยผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ขึ้นโรงพักเผชิญหน้ากับคุณแม่ของฮาเวิร์ด ทำไมถึงไม่ทักทายกัน โดย ‘เอมมี่’ ปฏิเสธว่า ตนไม่ได้ไม่ทักทายแต่เมื่อวานนี้ไม่ได้เจอคุณแม่ของฮาร์เวิร์ด ตนยังถามฮาเวิร์ดว่าคุณแม่อยู่ไหน เขาบอกไม่รู้ สงสัยอยู่ข้างนอก ซึ่งถ้าเจอรับรองว่าตนต้องเดินไปสวัสดีแน่นอน 

 ต่อข้อถามว่า อยู่กับฮาเวิร์ดมา 2 ปี รู้เรื่องการเสพยาอะไรของนักร้องหนุ่มบ้างหรือไม่ นางแบบสาวคนเดิมกล่าวว่า ถ้าป็นช่วงแรกๆ พอรู้และเห็นว่าเขามีการใช้สารเสพติดจริง แต่หลังจากที่คบกันมาตนเป็นคนที่ดึงเขาออกมาจากยาเสพติดพวกนี้ แต่ช่วงที่ตนเริ่มตีตัวออกห่างก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นอย่างไร 

 “ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ที่หลายคนงงว่าเอมมี่คบกับฮาเวิร์ดมา 2 ปี แต่ในช่วงนั้นเขาก็มีข่าวกับพี่หมวย(พิลาวรรณ อารีรอบ) ตรงนี้เอมมี่ต้องขอโทษพี่หมวยด้วยเพราะตอนที่เขาเป็นแฟนกัน เอมมี่ไม่รู้มาก่อน จนมา 2 เดือนให้หลังที่เอมมี่คบกับฮาเวิร์ดแล้ว ได้รับข้อความจากพี่หมวย ตอนนั้นเอมมี่ตัดสินใจออกมาจากชีวิตเขาทันที แต่เขาก็ยังคอยติดต่อเอมี่ จนสุดท้ายเขาบอกว่าเลิกกับพี่หมวยแล้วจริงๆ เอมมี่เลยตัดสินใจเป็นแฟนกับเขา” เอมมี่กล่าว 

 ผู้สื่อข่าวถามเจาะถึงเรื่องที่มีข่าวว่าในระหว่างที่คบกับฮาเวิร์ด เอมมี่ได้แอบคบกับตากล้องช่อง 3 ที่ชื่อ ‘จิ’ ด้วยจริงหรือไม่ นางแบบสาวเซ็กซี่กล่าวว่า ตนรู้จักกับพี่จิ แต่ไม่ได้มีการแอบคบ แค่คุยกันเรื่อยๆ ซึ่งฮาเวิร์ดก็ทราบเพราะตอนงานวันเกิดเอมมี่เขามาเช็คโทรศัพท์ว่าเอมมี่แอบคุยกับใคร แต่จริงๆ เอมมี่กับพี่จิไม่ได้แอบคบกัน แล้วฮาเวิร์ดก็ไม่เคยเอาเรื่องนี้มาพูด 

 “ทุกวันนี้เอมมี่โสด ฉะนั้นแต่ไปนี้ถ้าจะมีใครเข้ามาในชีวิตจะเรียกว่าเป็นชู้กับเอมี่ไม่ได้ สำหรับพี่จิที่มีการพาดพิงถึง ถ้าในอนาคตจะเป็นแฟนกัน พี่เขาก็ไม่ใช่ชู้เพราะเอมมี่ก็โสดแล้ว ส่วนโอกาสพัฒนาต้องถามฝ่ายชายด้วย ต้องให้เกียรติเพราะพี่เขาเป็นคนดีจริงๆ กระทั่งทุกวันนี้ที่เอมมี่ร้องไห้ เขาก็บอกว่าสู้ๆ คอยให้กำลังใจตลอด”

 ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่ฮาเวิร์ดนอนในห้องขังและเป็นคดีในศาลอยู่ตอนนี้ ได้คุยกันบ้างหรือยัง เอมมี่กล่าวว่า เขาโทร.มาร้องไห้ น้องชายของตนเป็นคนรับโทรศัพท์ เนื่องจากเมื่อวานนี้ตนไม่มีสติและเป็นลม พอตื่นขึ้นมาฮาเวิร์ดก็โทร.เข้ามาพอดีและร้องไห้ พร้อมกับบอกว่า เบบี๋ ไอไม่ขออะไร ขอแค่ยูมาหาไอตอนนี้ได้ไหม เขาคิดถึง เขาเหงา เขาหิว ตนเลยซื้ออาหารไปให้เขาที่สน.ตอนประมาณ 5 ทุ่ม ได้เจอกันแค่ 5 นาที 

 สำหรับเรื่องที่ตนได้แจ้งความไว้เป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าคดีนี้ไม่มีอะไร ส่วนคดีที่เป็นเรื่องเป็นราวอยู่คือเรื่องที่เขาที่ลักลอบเข้าเมืองไทย ซึ่งตรงนี้ตนมีส่วนผิด เนื่องจากที่ฮาเวิร์ดมาเมืองไทยครั้งนี้เพราะตั้งใจจะมางานวันเกิดตน ซึ่งถ้าตนไม่ไปแจ้งความวันนั้นฮาเวิร์ดก็คงไม่ต้องมาถูกจับแบบนี้ อยากจะขอโทษคุณแม่และฮาเวิร์ดไว้ตรงนี้ด้วย 

 “เอมมี่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมันทำให้อนาคตของเขาจบ” นางแบบสาวกล่าว  


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

อึ้ง เกาหลีเหนือ เรียกร้องให้สหรัฐยอมรับปท.เป็น"รัฐแห่งนิวเคลียร์" ก่อนเปิดโต๊ะเจรจา


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ว่า หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น"โรดอง ชินมุน"กระบอกเสียงของรัฐบาลเกาหลีเหนือ กล่าวว่า เกาหลีเหนือไม่อาจยอมรับข้อเสนอของเกาหลีเหนือให้ทิ้งอาวุธนิวเคลียร์และโครงการด้านขีปนาวุธ ก่อนเริ่มการเจรจาหาทางออกวิกฤตคาบสมุทรเกาหลี โดยการประชุมใด ๆ ที่จะมีขึ้นจะเป็นไประหว่างรัฐอาวุธนิวเคลียร์"

รายงานระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นการตอกย้ำอีกของเกาหลีเหนือซึ่งเคยถูกสหรัฐไปแล้ว ระบุว่า สหรัฐไม่มีทางยอมรับให้เกาหลีเหนือเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ได้ และในช่วงหลายเดือนแห่งความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี รัฐบาลสหรัฐและเปียงยางได้พยายามจะหาทางเจรจาระหว่างกัน แต่ไร้ผลเพราะต่างฝ่ายต่างตั้งแง่วางเงื่อนไขต่อกัน

ขณะที่นายจอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวระหว่างการเยือนเกาหลีใต้และจีน ในช่วงต้นเดือนนี้ ว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะต้องพิสูจน์อย่างจริงจังก่อนว่าได้ระงับโครงการอาวุธนิวเคลียร์แล้ว แต่ทางฝ่ายโสมแดงตอบโต้กลับด้วยการเรียกร้องให้สหประชาติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือ และเลิกการซ้อมรบร่วมระหว่างกองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้ 



ที่มา มัติชนออนไลน์ http://www.matichon.co.th/

ช็อก เปิดคลิปตะลึง ตาลิบันฝึก"หน่วยคอมมานโดจิ๋ว"เรียนวิชา"ก่อการร้าย"(ชมคลิป)


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ว่า กลุ่มติดอาวุธเครือข่ายตาลิบัน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองวาซิริสตัน ของปากีสถาน ได้เปิดเผยคลิปสุดช็อก เป็นเหตุการณ์"หน่วยคอมมานโดจิ๋ว หรือนักรบเด็ก"ฝึกการก่อการร้ายในรูปแบบต่าง ๆ โดยในคลิปดังกล่าวแสดงให้เห็นเด็กซึ่งเชื่อว่าอายุไม่เกิน 5 ปี ฝึกการยิงปืนหลายประเภท รวมทั้งปืนพก,ปืนไรเฟิล AK47 และปืนกลหนักอื่น ๆ นอกจากนี้ นักรบเด็กบางรายยังเรียนรู้การผ่อนแรงกระแทกจากอาวุธปืนเมื่อลั่นไก



ทั้งนี้ กลุ่ม"เตอร์กิสถาน อิสลามิก ปาร์ตี้"ได้โพสต์คลิปวีดีโอนี้ ซึ่งใช้ชื่อว่า"คอมมานโดจิ๋ว"และเชื่อกันว่า กลุ่มจะตั้งค่ายก่อการร้ายเพื่อฝึกกลุ่มติดอาวุธเพื่อปฎิบัติการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน





ที่มา มติชนออนไลน์ http://www.matichon.co.th

เอฟเอลงดาบ แบน "ซัวเรซ" 10 นัด!!

 เมื่อ 24 เม.ย. คณะกรรมการอิสระด้านวินัยตัดสินลงโทษซัวเรซอย่างหนัก โดยห้ามลงเล่น 10 นัด แบ่งเป็นโทษตามระเบียบ ห้ามแข่ง 3 นัดและเพิ่มอีก 7 นัด โดยมีผลทันที อย่างไรก็ตาม ซัวเรซสามารถยื่นอุทธรณ์โทษแบนที่เพิ่มอีก 7 นัดได้ภายในเวลา 12.00 น. วันศุกร์ที่ 26 เม.ย.นี้ 


 โดยก่อนหน้านี้ ซัวเรซ เข้าชี้แจงต่อเอฟเอ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กรณีถูกตั้งข้อหามีพฤติกรรมรุนแรง ใช้ปากกัดแขนขวาของบรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลังเชลซี ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อ 21 เม.ย. ผลเสมอกัน 2-2 โดยหัวหอกชาวอุรุกวัยรายนี้ยอมรับความผิดตามข้อกล่าวหาของเอฟเอ ซึ่งตามกฎ ซัวเรซจะโดนลงโทษห้ามแข่งอย่างน้อย 3 นัด 

 อย่างไรก็ตาม ซัวเรซปฏิเสธบทลงโทษห้ามแข่ง 3 นัด โดยระบุว่าเป็นโทษที่รุนแรงเกินไป พร้อมกันนี้ยังได้ขอให้เซบาสเตียน บัวซ่า ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอุรุกวัยช่วยเหลือไม่ให้โดนลงโทษหนักจนหมดอนาคตในอาชีพ ด้านเจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลังตัวเก๋าของลิเวอร์พูลออกโรงสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมรายนี้ และเชื่อว่าสโมสรทำถูกต้องที่ยังหนุนหลังซัวเรซ พร้อมชี้ว่าการกัดแขนแบบนี้ยังดีกว่าการทำให้ขาหัก

 "การกัดแบบนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกช็อกอย่างไม่ต้องสงสัยและทุกคนคงได้เห็นภาพแล้ว แต่คงไม่ร้ายแรงกว่าการเสียบสกัดจนทำให้นักเตะบาดเจ็บหนักจนต้องเลิกเล่นหรอกน่า" คาร์ราเกอร์ กล่าว


ที่มา ข่าวสดออนไลน์  http://www.khaosod.co.th

บุรีรัมย์ ตะเพิด "บุสโตส" กลับชิลีหลังหนีเที่ยว


เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอาจริงจัดการยกเลิกสัญญาพร้อมส่งตัว รัมเซส บุสโตส ดาวยิงชาวชิลีกลับบ้านเกิด หลังฝืนกฎสโมสรแอบหนีเที่ยวระหว่างพักรักษาอาการบาดเจ็บ
 
"ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำในศึกโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก สุดทนกับพฤติกรรมของ รัมเซส บุสโตส หัวหอกตัวเก่งชาวชิลี ตัดสินใจยกเลิกสัญญายืมตัวระยะเวลา 6 เดือนจากสโมสร ยูนิโอน เอสปันโญล่า ทีมดังจากประเทศชิลี หลังเจ้าตัวแอบหนีเที่ยวพัทยาในช่วงระหว่างพักฟื้นอาการบาดเจ็บ

โดยทางด้าน "บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันทีมได้ขอยกเลิกสัญญาหัวหอกชาวชิลีในช่วงก่อนเกมที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบกับ เวกัลตะ เซนได ในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เย็นวันนี้ (24 เม.ย.) โดยให้เหตุผลว่าเพื่อรักษาสปิริตภายในทีม และไม่ให้นักเตะในทีมทำตามเป็นเยี่ยงอย่าง

สำหรับ รัมเซส บุสโตส สร้างชื่อให้กับตัวเองตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อเหมายิงคนเดียวสองประตูพาทีมเอาชนะ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 2-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก และเป็นขุนพลตัวหลักของทีมมาตลอดก่อนจะถูกยกเลิกสัญญาในที่สุด

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th