วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อังกฤษอุ่นเจ๊าบราซิลสุดมัน 2-2 อ๊อกเลด แชมเบอร์เลน รูนีย์ซัด-อินทรีเหล็ก เยอรมนีพลิกแพ้สหรัฐ




 การแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตร ระหว่าง ทัพสิงโตคำราม อังกฤษ กับแซมบ้า บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2014 ที่สนามมาราคาน่า นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.

 เกมนี้ผลปรากฎว่า ทั้งสองทีมเล่นกันได้อย่างสนุก ผลเสมอกัน 2-2 โดยบราซิลได้ประตูนำก่อน จากเฟร็ด กองหน้าตัวเก๋า ในนาที 57 แต่จากนั้น อังกฤษยิงคืน สองลูกรวด จากอ๊อกเลด เชมเบอร์เลน นาที 67 และเวย์น รูนีย์ นาที79


 เกมทำท่าว่า สิงโตคำรามจะคว้าชัยชนะได้ แต่แล้วในนาที 82 เปาลินโญ่ ก็ยิงตีเสมอให้บราซิลได้สำเร็จ ช่วยรักษาสถิติไม่แพ้อังกฤษในบ้านได้นับตั้งแต่แพ้ 0-2 เมื่อปี 1984

 ส่วนทีมอินทรีเหล็ก เยอรมนี ยอดทีมของโลก เตะกับทีม พญาอินทรี สหรัฐอเมริกา เกมคู่นี้สนุกเข้มข้นไม่แพ้กันผล สหรัฐพลิกชนะ 4-3 คลินต์ เดมพ์ซี่ กองหน้าจากทีมสเปอร์ ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษยิงคนเดียว 2 ลูกนาที่ 60 และ  64 ที่เหลือได้จากโจซี่ อัลติดอร์ นาที 13 และ สเตเก้น สกัดเข้าประตูตัวเอง นาที 17

 ด้านเยอรมนีได้ประตูจากไฮโก้ เวสเตอร์มันน์ นาที 51 มิชาเอล ครูเซ่ นาที 79 และ จูเลี่ยน แดร็กซ์เลอร์ นาที 81

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

‘เอมมี่’ อโหสิ ‘ฮาเวิร์ด หวัง’ ยินดีฝ่ายชายคิดบวช - เผยโดนห้ามเข้าไทย 5 ปี

 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เวลา 10.30 น. ที่ชั้น 7 บ.อาร์เอสฯ ลาดพร้าว15 ‘ฮาเวิร์ด หวัง’ อดีตนักร้องดัง ควงคู่ ‘เอมมี่’อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์ อดีตแฟนสาวคู่กรณี มาร่วมรายการ “ปากโป้ง” ทางช่อง 8 ในเครืออาร์เอส พร้อมเปิดใจทุกข้อสงสัยแบบหมดเปลือก หลังมีคดียืดเยื้อกันมานาน และประกาศลาบวชก่อนกลับไต้หวัน โดยมี 2 พิธีกร ‘หนุ่ม’กรรชัย กำเนิดพลอย และ ‘เบนซ์’พรชิตา ณ สงขลา เป็นผู้ดำเนินรายการ
 ‘ฮาเวิร์ด’ เผยในรายการว่า หลังจากติดคุกนานกว่าเดือน ตอนนี้ออกมาเพื่อแก้ไขทุกอย่างที่เคยทำผิดไว้ให้ดีขึ้น เตรียมบวชเป็นเวลา 15 วัน ภายในอาทิตย์หน้า เพราะตนมีเวลาอยู่ในไทยอีกแค่ 30 วัน จากนั้นต้องกลับไปใช้ชีวิตที่ไต้หวัน และห้ามเข้าไทยอย่างเด็ดขาด 3-5 ปี เพราะมีคดีความถึง 4 คดี จริงๆ แล้วตนนับแค่ 3 คดีเท่านั้น ส่วนคดีบุกรุกที่มี ‘เอมมี่’ เป็นคู่กรณีนั้น ไม่อยากนับ เพราะตอนนี้ยังรัก ‘เอมมี่’ อยู่ และยอมรับว่าขณะที่อยู่ในเรือนจำ ตนเองคิดถึง ‘เอมมี่’ ตลอดเวลา ไม่เคยโกรธ ‘เอมมี่’ เลย เพราะเข้าใจในสิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไป 

 พร้อมกับกล่าวต่อว่า หลังจากออกจากเรือนจำก็ยังติดต่อ ‘เอมมี่’ ตลอด มีนัดเจอไปวัดเพื่อเตรียมตัวเรื่องบวช โดยมีแม่ และเพื่อนๆ ฝ่าย ‘เอมมี่’ ไปด้วยหลายคน ตอนนี้อยากใช้เวลาที่เหลือปรับตัวเป็นคนดี และแก้ไขความผิดเพื่อแม่ ไม่อยากห้ทำใแม่เสียใจอีก ส่วนเรื่องที่จะกลับไปคบกับ ‘เอมมี่’ นั้น อยากขอใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะแม่และคนใกล้ชิดยังไม่สนับสนุน เพราะกลัวจะมีปัญหาขึ้นมาอีก แต่ยืนยันว่า ‘เอมมี่’ ยังเป็นผู้หญิงที่ตนรักอยู่

 ด้าน ‘เอมมี่’ กล่าวเสริมว่า จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาแจ้งความจับ ‘ฮาเวิร์ด’ แต่ที่ไปลงบันทึกประจำวัน เป็นเพราะป้องกันตัวเอง กลัวว่า ‘ฮาเวิร์ด’ จะกลับมาทำซ้ำอีก ตนรู้นิสัยเขาดีว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน ตนสัญญาว่าจะยืนอยู่เคียงข้าง ‘ฮาเวิร์ด’ ต่อไปจนกว่าจะถึงวันบวช ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม ตนถือโอกาสในรายการ “ปากโป้ง” ขอโทษพร้อมขอความเห็นใจจากครอบครัว และคนใกล้ชิดของ ‘ฮาเวิร์ด’ ว่าอยากให้แคร์และมองตนในแง่ดีบ้าง ทุกสิ่งที่ตนทำลงไปไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายฮาเวิร์ด สุดท้ายตนก็หวังอยากให้ ‘ฮาเวิร์ด’ มีอนาคตที่ดี ใช้ชีวิตที่ไต้หวันอย่างถูกต้องและราบรื่น ส่วนเรื่องจะกลับมาคบกันนั้น ยังไม่อยากให้คำตอบตอนนี้ ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

 หลังจากจบรายการทั้งคู่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่รอทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดย‘เอมมี่’กล่าวว่า ขอแค่ให้เขาบวชก็จบแล้ว ให้เขาอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ และขออโหสิกรรมให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น และขอให้เขาอโหสิกรรมให้ตนด้วย

 ‘ฮาเวิร์ด’ เสริมว่า ไม่เคยโทษใคร โทษตัวเองอย่างเดียวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ขอให้มีภาพสุดท้ายที่มีภาพตนอยู่ในวัด และให้พี่ๆ สื่อมวลชนได้เก็บภาพตนที่จะไปบวช 15 วัน

 ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานะตอนนี้ใช้คำว่าแฟนได้หรือไม่ ‘เอมมี่’ โบ้ยให้ถามอดีตนักร้องหนุ่ม ด้าน ‘ฮาเวิร์ด’ จึงตอบว่า เมื่อก่อนใช้คำว่าแฟนได้ แต่ทุกวันนี้อาจต้องใช้เวลาที่จะกลับมาคืนดีได้เหมือนเดิม  อาจจะยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจจะขอให้คุยกันเป็นเพื่อน ตนไม่อยากสร้างศัตรูหรือเกลียดกัน ไม่อยากให้แม่ตนไม่ชอบใครหรือพูดถึงใครไม่ดี 

 ต่อข้อซักถามที่ว่าวันที่ ‘ฮาเวิร์ด’ บวช ‘เอมมี่’ จะมีโอกาสถือหมอนไหม ‘ฮาเวิร์ด’ ตอบว่า ตั้งใจว่าจะให้เป็นคุณแม่เป็นคนถือหมอน แต่ถ้าจะแย่งกันถือหมอนก็ไม่ว่า

 ผู้สื่อข่าวหันไปถาม ‘เอมมี่’ ว่างานบวชจะไปหรือไม่ ‘เอมมี่’ ตอบ จริงๆ งานบวชไปอยู่แล้ว ไม่ว่าสถานะอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ขอทำงานอย่างเดียวามากกว่ และตนเองก็ไม่อยากเป็นศัตรูใคร ทุกสิ่งทุกอย่างขอให้จบลงในวันที่ฮาเวิร์ดบวชดีกว่า แค่นี้ตนก็มีความสุขมากแล้ว ตนอโหสิกรรมทุกสิ่งทุกอย่าง และขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองเขาเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องทะเลาะกัน ปกติตนกับฮาเวิร์ดก็ไม่ได้ทะเลาะกัน ยิ่งช่วงนี้ยิ่งทะเลาะกันน้อยมากเพราะเขาจะบวชแล้ว อยากให้เขามีจิตใจที่บริสุทธิ์มากกว่า เพราช่วงนี้เขาก็เจออะไรมาเยอะแล้ว

 ต่อข้อซักถามที่ว่า ‘เอมมี่’ มีคนใหม่หรือเปล่า ‘เอมมี่’ ปฏิเสธพร้อมกับกล่าวต่อว่า ไม่มีคนใหม่เลย ตัว ‘ฮาเวิร์ด’ เองก็รู้ดีว่าตนไม่เจ้าชู้ เท่าที่คบกันมาตนดีกับเขาแค่ไหนเขาก็รู้ ตอนนี้ไม่มีใครจริงๆ อยากโฟกัสที่งาน และเห็นใจคุณพ่อคุณแม่ด้วยเหมือนกัน 

 ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่ามีคนเห็นเดินกับหนุ่มต่างชาติด้วย ‘เอมมี่’กล่าวว่าพี่เขาเป็นนายแบบ รู้จักกันมาปีนึงแล้ว และเรื่องการสร้างกระแสจริงๆ ‘ฮาเวิร์ด’ ไม่ควรพูดคำนี้อยู่แล้วถ้าเป็นสุภาพบุรุษพอ กับนายแบบคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่ทำงาน เจอกันเวลาทำงาน คุยกันมาเรื่อยๆ มีหลายคนที่ตนคุยเป็นพี่เป็นน้องกัน ตอนนี้ตนขออยู่แบบนี้ ขอตั้งใจทำงาน อยู่ตัวคนเดียวก็สบายอยู่แล้ว ไม่ต้องไปรายงานใคร หรือให้ใครต้องมาคอยด่าเรา

 ต่อข้อซักถามที่ว่ายิ่งนานวันเริ่มถูกขุดคุ้ยข่าวตลอด ‘เอมมี่’กล่าวว่าไม่เป็นไร อดีตก็คืออดีต อยากให้ทุกคนลืมเรื่องนั้น เอาเป็นว่าตนไม่เคยทำร้ายใคร ตนทำดีที่สุดแล้ว ฉะนั้นการที่ใครจะทำร้ายเราก็ไม่เป็นอะไร อโหสิกรรมให้ แม่พระธรณีเป็นพยาน ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่บอกว่าตนออกมาแฉตัวเองนั้น ตนยังไม่ทราบเลย แม้กระทั่งเรื่องพระเอก 10 คนตนก็ยังงงเหมือนกัน ทุกวันนี้ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ

 ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ามีข่าว ‘เอมี่’ มีลูกแล้วด้วย ‘เอมี่’ ตอบ เรื่องนั้นไม่ขอพูดถึงดีกว่า เพราะอดีตก็คืออดีต จริงๆ คนที่อยู่เคียงข้างตนรู้ดีที่สุดว่าอะไรคืออะไร

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

โจลี่อวดอึ๋มหลังตัดเต้าทิ้ง ออกงานแรกพร้อมแบร๊ด พิตต์

 เอพีรายงานว่า 3 มิ.ย. แองเจลิน่า โจลี่ นักแสดงสาวคนดังของฮอลลีวู้ดปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในอังกฤษ นับแต่เผยเมื่อเดือนก่อนว่า ผ่าตัดเต้านมทิ้งเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเนื่องจากแม่เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าว

 โจลี่ไปร่วมงานฉายหนังเรื่องเวิลด์ วอร์ ซี รอบปฐมทัศน์ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ กับแบรด พิตต์ นักแสดงหนุ่มผู้เป็นสามี ซึ่งเล่นเรื่องดังกล่าว

 ซูเปอร์สตาร์แม่ลูก 6 กล่าวว่า ดีใจที่เห็นกระแสห่วงใยสุขภาพผู้หญิงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางหลังจากประกาศเรื่องของตนเองออกไป ทั้งนี้ สื่อมวลชนต่างพากันจับตาทรวดทรงของดาราสาวว่ายังอวบอิ่มสวยงามเช่นเดิม


ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

พิธีกรหญิงเข้าแจ้งความ น้องสาวถูกนำภาพและเบอร์โทร.ไปโพสต์ขายตัว

จากกรณี น.ส.หนุงหนิง (นามสมมติ) อายุ 28 ปี น้องสาวผู้สื่อข่าวรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ถูกมือมืดก๊อปปี้ภาพจากเฟซบุ๊กส่วนตัวนำไปประกาศขายตัวทางอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่ามีคนโทรศัพท์มาขอซื้อบริการเป็นจำนวนมาก

 โดย น.ส.หนุงหนิง กล่าวว่า เรื่องนี้ทำให้ตนเสียหายมาก คนที่นำไปลงนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นใคร โดยตนได้ไปเล่าให้กับพี่สาวซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวรายการโทรทัศน์ชื่อดัง และพี่สาวของตนได้ประสานกับทางพล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภาค 5 แล้ว ทางรอง ผบช.ภาค 5 ท่านได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน สภ.ช้างเผือก ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้มาให้ได้ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

 ข่าวคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีกรสาวรายการข่าวโทรทัศน์ชื่อดัง นำน้องสาวเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพ.ต.ท.อินทรัชต์ แสนปัญญา พนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือกเชียงใหม่ พร้อมหลักฐานรูปภาพและเบอร์โทรศัพท์ รวมทั้งข้อความในเว็บไซต์ "กูเกิ้ลหาคู่" ระบุ "หาเพื่อนเที่ยว อยู่เชียงใหม่คะ เหงา ด่วนๆ" โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำน.ส.หนุงหนิงอย่างละเอียด ประมาณ 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ 

 ผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตนเคยทำงานเป็นพนักงานเสริมสวยอยู่ในร้านแห่งหนึ่ง แต่เลิกแล้ว ปัจจุบันไม่ได้ทำอะไร ต่อมาปรากฏว่ามีคนนำภาพของตนจากเฟซบุ๊กไปลงในกูเกิ้ลหาคู่ เขียนข้อความลักษณะเชิญชวนให้ผู้สนใจโทรศัพท์มาหาตนเพื่อชักชวนไปในเชิงค้าประเวณี ทำให้ตนเดือดร้อนมาก เพราะมีสายโทรศัพท์เข้ามายังเบอร์ตนนับร้อยสายทั้งจากมือถือ ทั้งตู้สาธารณะ จนตนต้องปิดมือถือ 

 นอกจากนั้น ตนยังได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกูเกิ้ล เพื่อให้ปิดภาพของตนที่ลงในกูเกิ้ลหาคู่แล้ว แต่มีข้อน่าสังเกตุว่าตนไม่เคยลงเบอร์โทรศัพท์ในเฟซบุ๊ก ไม่รู้คนร้ายนำเบอร์ของตนมาจากไหน อาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพ พวกค้าประเวณี อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้มาให้ได้ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะการกระทำแบบนี้ทำให้ผู้หญิงเสียหายและเดือดร้อน ตนนั้นเคยมีแฟนแต่เลิกกันไปนานแล้ว คิดว่าไม่ใช่แฟนเก่าของตนทำแน่เพราะเลิกรากันด้วยดี  ส่วนเพื่อนที่เคยทำงานด้วยกัน คิดว่าคงไม่ใช่ 

 ด้านพิธีกรรายการข่าวโทรทัศน์ชื่อดังประจำจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เรื่องนี้น้องสาวของตนได้มาปรึกษาและเดือดร้อนอย่างมาก ตนสอบถามรายละเอียดต่างๆ จนแน่ใจว่าบุคคลที่นำรูปน้องสาวและเบอร์โทรศัพท์ไปลงแบบนี้ แสดงว่า มีจุดประสงค์ไม่ดีแน่ ไตนด้ประสานกับทางพล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภาค 5 ท่านสั่งการพ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.5  ลงไปคลี่คลายคดีนี้ร่วมก้บตำรวจชุดสืบสวนท้องที่ โดยรอง ผบช.ภาค 5 ได้แจ้งว่าคาดว่าจะได้ตัวผู้กระทำผิดในเร็วๆ นี้

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

คนร้ายบุกเดี่ยว มีดจี้ชิงเงินธ.กรุงไทยคลองสอง เชิดเงินกว่า8หมื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 3 มิถุนายน 2556 พ.ต.ท.กกุสนธิ์   เหมือนปั้น สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์  จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดบุกเข้าไปชิงเงินธนาคารกรุงไทย สาขา เพียวเพลส รังสิต คลองสอง ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรศักดิ์   ขุนณรงค์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ,พ.ต.ท.มงคล  จิตต์พรหม สว.สส. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ 

ในที่เกิดเหตุพบพนักงานเคาร์เตอร์ 2 คน ยืนหน้าตาตื่นตกใจ ทราบชื่อคือ น.ส.พิมพ์นิภา อายุ 27 ปี และ น.ส.นันท์นลิน อายุ 24 ปี ตรวจสอบพบว่ามีเงินสดภายในลิ้นชักเก็บเงินของเคาร์เตอร์ หายไป 89,424  บาท ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายบุกเข้ามาคนเดียว สวมหมวกแก๊ปสีดำ สลักอักษรสีขาวที่หน้าหมวก ใส่หน้ากากอนามัยสีขาวปิดบังใบหน้า ไม่สวมถุงมือ สวมเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว สีดำ สวมถุงเท้า ใส่รองเท้าแบบสวมเปิดส้นเท้า จากนั้นกระโจนข้ามเคาร์เตอร์ ใช้อาวุธมีดแบบทำครัว จี้ 2 พนักงาน จากนั้นหยิบเงินในลิ้นชักใส่ถุงพลาสติกสีขาว แล้วกระโจนออกจากเคาร์เตอร์ วิ่งหนีออกจากธนาคาร ข้ามถนนรังสิต-นครนายก หลบหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้าง เบื้องต้นทราบว่าว่าจ้างวิน จยย.รับจ้างไปลงที่ตลาดสะพานแดง คลอง 1 ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามตัว จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดคนร้ายใช้เวลาในการก่อเหตุประมาณ 15 วินาที 

ด้านนางสาวพิมพ์นิภาฯ พนักงานเคาร์เตอร์ ให้การว่า ขณะนั้นเกิดเหตุ มีลูกค้าอยู่ในร้านประมาณ 3-4 คน จู่ ๆ คนร้ายก็เดินเข้ามาแล้วกระโจนเข้ามาในเคาร์เตอร์ โดยใช้มีดจี้ ด้วยความตกใจจึงถอยออกมา เพราะกลัวว่าจะถูกทำร้าย จากนั้นก็โกยเงินในลิ้นชักหลบหนีไป  

นายณัฐ โคต่อเนตร อายุ 22 ปี พนักงานเติมน้ำมัน ให้การว่า เห็นคนร้ายรีบวิ่งเข้าไปในธนาคารท่าทางมีพิรุธ จากนั้นก็เห็นว่ารีบวิ่งออกมาจากธนาคารอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งข้ามถนน จึงวิ่งไล่ตามและพบว่าขึ้นวินจยย.รับจ้างไปแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ติดตามคนขับวินจยย.รับจ้างได้แล้ว ทราบว่าเป็นวินจยย.รับจ้างฝั่งตรงข้ามกับธนาคาร เบอร์ 8 ถูกว่าจ้างให้ไปส่งที่ตลาดสะพานแดง จากนั้นคนร้ายก็เข้าไปในตลาด เบื้องต้นได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามคนร้ายตามภาพ แต่ยังไร้วี่แวว ซึ่งจะได้ตรวจสอบหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้ที่เกิดเหตุ และเส้นทางใกล้เคียงเพื่อติดตามตัว

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ประชาชนทั่วสารทิศเดินทางเยี่ยมชม "ปืนใหญ่พญาตานี" จำลอง ตั้งอยู่ที่บ้านกรือเซะ จ.ปัตตานี

เมื่อ 3 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณหน้ามัสยิดกรือเซะ ม.3 บ้านกรือเซะ ต.ตันหยงลุโล๊ะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้มีประชาชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียงได้เดินทางมาเยี่ยมชมปืนใหญ่พญาตานี อย่างคึกคักหลังจากที่ทางจังหวัดปัตตานีโดยการท่องเที่ยวจังหวัดปัตตานีร่วม กับกรมศิลปากรหล่อจำลองขึ้นมาใหม่แทนปืนพญาตานีที่อยู่หน้ากระทรวงกลาโหม เพื่อไว้เป็นเกียรติประวัติให้กับคนปัตตานี ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้กลับคึกคักมาอีกครั้ง หลังจากปืนพญาตานีได้เดินทางมาถึงทำให้ประชาชนต่างปลาบปลื้มดีไจ เพราะจะได้ชมความยิ่งใหญ่ของปืนพญาตานีที่ปรากฏชื่อทางประวัติของปัตตานีมา อย่างช้านาน แต่มีคนอีกไม่น้อยที่เกิดมาทั้งชีวิตไม่มีโอกาสได้ดูของจริง แต่เมื่อปืนได้มาถึงและได้เข้าไปชมปรากฏว่าเป็นเพียงที่ถูกจำลองขึ้นมาใหม่ จึงทำให้บางคนกลับต้องผิดหวังท่ามกลางความดีใจที่ได้รับปืนใหญ่กลับมา

นาย มะหามะ หะยีนิเงาะ ประธานชมรมฟัรดูอีนจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ก็ต้องขอชื่นชมกับทุกฝ่ายที่ได้พยายามในการที่จะนำปืนใหญ่พญาตานีกลับมาวาง ไว้ที่ปัตตานีอีกครั้ง เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้ชาวปัตตานี ไว้ชื่นชม ความยิ่งใหญ่ในอดีตที่บรรพชนได้สร้างไว้ แต่ทำไมต้องมาเป็นของปลอม ทำไมถึงไม่เอาของจริงกลับมา  

ขณะที่ นายดือราแม  มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลาม จ.ปัตตานี  กล่าวแสดงความเห็นถึงปืนใหญ่พญาตานีจำลองมาประดิษฐานที่หน้ามัสยิดกรือเซะ ว่า เป็นเรื่องที่ดี และเป็นความภาคภูมิใจของคนปัตตานี ที่จะได้เห็นความสวยงาม  ถึงแม้ไม่ใช่ของจริงแต่เหมือนจริงมาก และจะส่งผลให้การท่องเที่ยวในจังหวัดปัตตานีให้ดีขึ้น เห็นถึงอารยธรรมดั้งเดิม เยาวชนจะได้ศึกษา เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ในหลายแง่มุม หลายมิติ ซึ่งในต่างประเทศเขาก็มีการส่งเสริมกัน  

ส่วน เสียงการวิพากษ์วิจารณ์ของคนบางกลุ่มที่บอกว่าเป็นของปลอมกระทบต่อความ รู้สึกน่าจะเป็นของจริงมากกว่านั้น นายดือราแม  กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ จะให้ถูกใจกันทุกคนคงไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่มีทั้งคนดีใจและคนตำหนิก็ว่ากันไปจะไปห้ามไม่ให้คิดยาก  แต่ตนอยากให้มองมิติบวกในแง่ความรู้สึกคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องดี เป็นความภาคภูมิที่จะได้ศึกษาเรียนรู้ประวิติศาสตร์ที่หลากหลาย  

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th