การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามอัมสเตอร์ดัม อารีน่า ประเทศฮอลแลนด์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. "เหยี่ยวลิสบอน"เบนฟิก้า จากโปรตุเกส พบกับ "สิงโตน้ำเงินคราม"เชลซี จากอังกฤษ
เกมนี้ "เหยี่ยวลิสบอน" จัดทัพใหญ่เต็มพิกัด นำโดย ออสการ์ คาร์โดโซ่, เอดูอาร์โด้ ซัลวิโอ, นิโกลัส ไกตัน ส่วนทางฝั่ง "สิงโตน้ำเงินคราม" ไม่มีชื่อของ เอเดน ฮาซาร์ด และจอห์น เทอร์รี่ ที่มีอาการบาดเจ็บ โดยส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส, ฮวน มาต้า, ออสการ์ นำเกมรุก
เริ่มเกมเป็นเบนฟิก้าที่ครองเกมได้เหนือกว่า และมีโอกาสสับไกยิงหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถจบสกอร์ได้ จึงเสมอกันไปในครึ่งแรก 0-0 
นาที 59 เบนฟิก้าเกือบขึ้นนำ จากลูกเปิดทางปีกซ้าย ซัลวิโอได้โขกไปถูกปีเตอร์ เช็ก ล้มตัวรับไว้ได้ และจากจังหวะต่อเนื่อง เช็กขว้างบอลไปกลางสนาม ก่อนจะหลุดไปถึงตอร์เรสในแดนหน้า หัวหอกทีมชาติสเปนจึงจัดการเลี้ยงผ่านกองหลัง ทะลุเข้าเขตโทษไปหลอกหลบนายทวาร ก่อนจะซัดเข้าสู่ก้นตาข่ายโล่งๆอย่างเหนือชั้น เชลซีพลิกขึ้นนำ 1-0
นาที 68 เบนฟิก้าตีเสมอได้สำเร็จ เซซาร์ อัซปิลิกูเอต้า ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ และเป็นคาร์โดโซ่ที่สังหารด้วยซ้ายเข้ากลางประตูอย่างเด็ดขาด ขณะที่เช็กพุ่งไปทางซ้ายมือของตัวเอง สกอร์จึงกลับมาเท่ากัน 1-1
นาที 82 เบนฟิก้ามีลุ้นอีก คาร์โดโซ่ยิงลูกใบไม้ร่วงจากนอกเขตโทษ ลูกฮุคเข้ากรอบสุดสวย แต่เช็กยังยอดเยี่ยมปัดทิ้งออกไปได้
นาที 88 เชลซีเกือบได้เฮ แฟร้งค์ แลมพาร์ด โชว์ทีเด็ดการยิงไกล บอลผ่านมือผู้รักษาประตูไปชนคานอย่างจัง
เกมทำท่าจะต้องต่อเวลาพิเศษออกไป แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3 เชลซีได้ลูกเตะมุมฝั่งขวา มาต้าเปิดเข้ามาด้วยเท้าซ้าย บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ได้ขึ้นโขกเหน่งๆตุงตาข่าย กลายเป็นประตูชัยให้เชลซีชนะไป 2-1 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ
นอกจากนี้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ยังกลายเป็นสโมสรที่ 4 ที่สามารถคว้าแชมป์ครบทั้ง 3 รายการหลักของยุโรป ซึ่งประกอบด้วย ยูโรเปี้ยน คัพ หรือยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก, ยูฟ่า คัพ หรือยูฟ่า ยูโรปา ลีก และคัพ วินเนอร์ส คัพ ได้สำเร็จ ต่อจากยูเวนตุส จากอิตาลี, อาแจ็กซ์ จากฮอลแลนด์ และบาเยิร์น มิวนิค จากเยอรมนี
ที่มา ข่าวสดออนไลน์http://www.khaosod.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น