สยอง"สะพานแขวน" ขาดจมลงแม่น้ำป่าสัก สังเวยทันที 6 ศพ นับร้อยชีวิตแตกตื่นหนีตายโกลาหล เผยเป็นสะพานเก่าแก่ข้างวัดสะตือหลวงพ่อโต วัดดัง อ.ท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา สาเหตุเกิดจากลวดสะลิงรับน้ำหนักไม่ไหว แฉเพิ่งซ่อมใหญ่หลังน้ำท่วมใหญ่ปี 54 อธิบดีปภ.รายงานด่วนถึงนายกฯยิ่งลักษณ์ เร่งหาผู้ที่ยังสูญหาย
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 28 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุสะพานปูน (สะพานแขวน) ชื่อสะพาน 200 ปี ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 120 เมตรข้ามแม่น้ำป่าสัก ระหว่างหมู่ที่ 5 บริเวณเขื่อนพระราม 6 ข้ามไปหมู่ที่ 6 วัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดพังถล่มหัก 2 ท่อนลงไปในแม่น้ำป่าสัก ส่งผลให้ประชาชนที่กำลังสัญจรไปมาบนสะพานโดยรถจักรยานยนต์ตกลงไปในแม่น้ำ นอกจากนี้คานใต้สะพานดังกล่าวยังได้หักพังลงไปทับผู้เสียชีวิตทันที 4 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงอายุประมาณ 12 ปี และบาดเจ็บอีกประมาณ 15 ราย ชาวบ้านจึงช่วยกันทยอยนําตัวผู้บาดเจ็บส่ง ร.พ.ท่าเรือ เป็นการด่วนผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา และใกล้เคียง ระดมกำลังเดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตครั้งนี้ ซึ่งการให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลําบากเนื่องจากเส้นทางถูกตัดขาด และยังมีชาวบ้านนับพันคนเข้ามามุงดูบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอยู่ด้านบน และกู้ภัยอีกชุดลงงมค้นหาผู้ที่คาดว่าจะติดอยู่ใต้ซากสะพานดังกล่าวในแม่น้ำ ก่อนจะยุติการค้นหาในช่วงค่ำโดยไม่พบผู้เสียชีวิต
สําหรับสะพานแห่งนี้ก่อสร้างในช่วงเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี เมื่อปี 2525 ล่าสุดทางเทศบาลท่าคลอง เจ้าของพื้นที่ เพิ่งบูรณะสะพานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากใช้งานมากว่า 30 ปี สภาพชำรุดจนกระทั่งพังลงมาในวันนี้
นายชัยยุทธ สุดประเสริฐ กำนันตำบลท่าหลวง เปิดเผยว่า สะพาน 200 ปี แห่งนี้ได้ก่อสร้างเมื่อครั้งฉลอง 200 ปีกรุงรัตนโกสินทร์ ใช้สัญจรระหว่างชาวบ้าน หมู่ 5 และ 6 ต.บ้าน หลวง และเพิ่งซ่อมใหญ่เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา งบประมาณ 8 ล้านบาท หลังซ่อมเสร็จ สะพานทรุดในด้านซ้าย สะลิงมีลักษณะสั่นคลอน และแจ้งประชาชนให้ใช้สะพานด้วยความระมัดระวัง อย่าพยายามขึ้นไปเดินจำนวนมาก เนื่องจากเกรงจะเกิดอันตราย และประสานเทศบาลตำบลท่าหลวงเร่งมาซ่อมแซม แต่ก็มาเกิดเหตุสลดขึ้นจนได้ ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุที่วัดสะตือมีการจัดตลาดนัดในวันหยุด จึงมีประชาชนจำนวนมากใช้เส้นทางสัญจรไปมา โดยสะพานดังกล่าวใช้ได้เฉพาะรถจยย.และคนเดินเท่านั้น ส่วนรถใหญ่ไม่สามารถผ่านได้ ระหว่างเกิดเหตุชาวบ้านแจ้งว่ามีเสียงดังคล้ายสายลวดสะลิงขาดกลางสะพานด้านซ้าย จากนั้นสะพานพลิกม้วนคว่ำลงแล้วขาด ทำให้คนที่อยู่บนสะพานกว่า 20 คนและกำลังขับขี่จยย.ข้าม 4 คันร่วงจากสะพาน หลายคนถูกชิ้นส่วนสะพานที่เป็นคอนกรีตตกลงไปทับทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
นอกจากนี้ นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญ วรกุล นายกอบจ.พระนครศรีอยุธยา และพล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผบก.ภ.จ. พระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมสั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่นายประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ร.พ.ท่าเรือด้วย
ด้านนายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เบื้องต้นสาเหตุน่าจะเกิดจากลวดสะลิงที่ใช้ขึงสะพานของวัดสะตือ ต.ท่าหลวง เกิดขาดทำให้กลางสะพานหักลงไปในแม่น้ำป่าสัก และคอสะพานกระแทกเข้ากับพื้นดิน ส่งผลให้ชาวบ้านที่ใช้สะพานสัญจรข้ามไปมา ระหว่าง ม.5 บริเวณเขื่อนพระราม 6 ข้ามไป ม.6 วัดสะตือ ตกลงมาได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และในวันนี้บริเวณวัดสะตือ มีตลาดนัดเปิดท้ายขายของทําให้ประชาชนละแวกใกล้เคียงอาศัยสะพานแห่งนี้ข้ามมาซื้อสินค้าจํานวนมาก ซึ่งก็อาจจะทําให้สะพานซึ่งมี สภาพเก่าแก่รับน้ำหนักไม่ไหวจึงพังครืนลงมาทับผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามคงต้องให้วิศวกรที่ควบคุมการก่อสร้างของเทศบาล ต.ท่าหลวง ได้เข้ามาตรวจสอบโครงสร้างสะพานดังกล่าวอีกครั้งเพื่อสรุปถึงสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สําหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตที่พบศพแล้ว จํานวน 6 ราย ประกอบด้วย ด.ญ.ปิริยาพร เสือสมิง อายุ 10 ขวบ นายสามารถ ญานปัญญา อายุ 33 ปี น.ส.เกศิณี ชบาศรี อายุ 54 ปี นายณัฐวุฒิ ใจจง อายุ 24 ปี รวมทั้งชายยังไม่ทราบชื่ออีก 2 คน
ส่วนผู้บาดเจ็บ ประกอบด้วย ด.ช.วาธิชัย ญานปัญญา อายุ 5 ขวบ นายจักรกฤษ แก่นวงศษ์ อายุ 37 ปี ด.ญ.สุธิดา ลัดดาอ่อน อายุ 9 ขวบ น.ส.สุวนัน พวงทอง อายุ 16 ปี นางดวงแข นิรันดร์สุข อายุ 39 ปี น.ส.กฤติยา สมอาจ อายุ 20 ปี น.ส.สุกานดา ขุนช้าง อายุ 33 ปี น.ส.รุ่งนภา แก้วสิทธิ์ อายุ 31 ปี และ ด.ญ.อรธิชา ลือดาว อายุ 3 ขวบ โดยผู้บาดเจ็บถูกกระจายนําส่ง 4 ร.พ. ประกอบด้วย ร.พ.ท่าเรือ ร.พ.ดอนพุด ร.พ.ภาชี และ ร.พ.บ้านหมอ
ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น