วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คราบน้ำมันรั่วปตท. แยกตัวล้อมรอบเกาะเสม็ด - มีโอกาสเคลื่อนเข้าสู่ชายหาดระยอง

วันที่ 29 ก.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.ระยอง พร้อมด้วยนายพรเทพ บุตรนิพัทธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ระดมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทหารจากกองพันทหารราบที่ 7 จ.ระยอง และหน่วยนาวิกโยธิน สัตหีบจ.ชลบุรี กว่า 300 นายเพื่อเร่งกำจัดคราบน้ำมันที่ทะลักเข้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จนทะเลดำเป็นสีดำทั้งหาด ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ส่งผลกระทบการท่องเที่ยวรีสอร์ตปิดร้าง ไร้เงานักท่องเที่ยว

 นายวิชิตกล่าวว่า คลื่นลมแรงทำให้คราบน้ำมันซัดข้ามทุ่นที่ล้อมรอบเกาะเสม็ดไว้ โดยทิศทางลมพัดเข้ามาทางเกาะเสม็ด และอ่าวบ้านเพ ก้อนน้ำมันได้หลุดเข้ามายังบริเวณอ่าวพร้าว อย่างรวดเร็วเป็นคราบหนา จึงประกาศเตือนเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว โดยทางปตท.และทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่มาเฝ้าสังเกตการณตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา สำหรับการฉีดพ่นสารเคมีเพื่อสลายคราบน้ำมัน ตั้งแต่เมื่อวาน(28ก.ค.) กำจัดได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ได้ประสานไปยังบริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ส่งเรือเพื่อขนรถบรรทุกลากคราบน้ำมันขึ้นเรือออกไปให้เร็วที่สุดทั้งนี้ คราบน้ำมันที่เกาะอยู่บนหาดและผิวทรายจะมีกรรมวิธีการเก็บกู้ให้เสร็จเร็วที่สุด ส่วนผลในระยะยาวจะมีนักวิชาการคณะทำงานที่เชี่ยวชาญ ประเมินหาแนวทางแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลต่อไป

 ด้านนายพรเทพ กล่าวว่าได้เตรียมถังพลาสติกความจุถังละ 1 พันลิตร จำนวน 20 ถัง และปั๊มดูดอีกหลายตัวเร่งดูดคราบน้ำมันใส่ถังส่วนคราบบนทรายชายหาดใช้กระดาษฟิล์มซับน้ำมันและพลั่วตักออก กรณีที่น้ำมันเข้ามาเร็วนั้นเกิดขึ้นจากการลอดทางใต้บูม(ทุ่น) ที่ล้อมใว้ถึง 2 ชั้น คราบทะลุขึ้นข้างบน โดยคราบน้ำมันดิบเข้ามาประมาณ 5 พันลิตรที่เหลือจากการเร่งฉีดสารสกัดตั้งแต่วานนี้

 ส่วนประชาชนและชาวประมงที่ตื่นตระหนก ขอให้มั่นใจได้ว่าคราบน้ำมันจะไม่กระจายออกไปสู่อ่าวเพ หมู่บ้านชาวประมง เพราะระดมกำลังเข้าดูแลทุกพื้นที่ชายฝั่งต.เพแล้ว และส่งทีมซีเอสอาร์เข้าทำความเข้าใจกับกลุ่มชาวประมง และดูแลแน่นอนแล้ว โดยจะสามารถจะเคลียร์คราบน้ำมันออกจากชายหาดได้แล้วเสร็จในวันเดียวกันนี้

 ด้านนักท่องเที่ยวที่ต่างก็ไม่มีใครลงเล่นน้ำเพราะยังไม่มั่นใจกรรมวิธีการกำจัดคราบน้ำมันที่ล่าช้าและไม่มั่นใจว่าสารที่ใช้กำจัดคราบน้ำมันจะตกค้างอยู่ในทะเลและมีผลต่อร่างกาย รวมถึงสัตว์ทะเลที่นำมาบริโภคหรือไม่ จึงขอให้ทางปตท.ดำเนินการให้เสร็จอย่างรวดเร็ว เพราะขณะนี้ได้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและทัศนียภาพบนเกาะเสม็ดอย่างมาก


 นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เกิดรั่วไหลน้ำมันดิบไหลลงทะเลจำนวน 50,000 ลิตร เมื่อเช้าวันที่ 27 ก.ค. และกระแสคลื่นลมทะเลได้พัดคราบน้ำมันเข้ามายังบริเวณอุทยานเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง เมื่อคืนวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่า  ขณะนี้ได้ร่วมลงพื้นที่อุทยานฯ เสม็ด พร้อมกับนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งการที่คราบน้ำมันลอยมาขึ้นฝั่งที่เกาะเสม็ดก็ตรงตามที่ทางกรมควบคุมมลพิษ ได้ทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เอาไว้ และเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการหากทางพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอความร่วมมือมาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้อนุมัติให้ใช้สารเคมีในการกำจัดคราบน้ำมันไปแล้ว  อย่างไรก็ตามขณะนี้คราบน้ำมันขึ้นฝั่งเพียงจุดเดียวคือที่อ่าวพร้าวเกาะเสม็ด ซึ่งต้องเร่งกำจัดคราบน้ำมันบนชายหาดเกาะเสม็ดให้เร็วที่สุด  โดยคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน  และยังต้องเฝ้าจับตาบางส่วนที่ยังลอยอยู่ในทะเลอย่างใกล้ชิด

 เมื่อถามว่าจะมีการฟ้องร้องบริษัทเอกชนที่ทำให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่นายวิเชียรกล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  กรมควบคุมมลพิษ  กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม  และหน่วยงานในจังหวัด กำลังเร่งดำเนินการแก้ปัญหา สำรวจและรวบรวมความเสียหายที่เกิดขึ้น ว่าเกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเรื่องใดบ้าง

“ เรื่องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมนั้น  ไม่ต้องเป็นห่วง ทาง ปตท. ต้องรับไปเต็มที่อยู่แล้ว อย่างไรกรณีที่เกิดขึ้นมีหลายหน่วยงานและกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งจากนี้แต่ละหน่วยงานก็คงได้มีการพูดคุยกันหลังจากรวบรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นครบถ้วนแล้วว่าใครจะเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายซึ่งเบื้องต้นอาจจะเป็นกรมเจ้าท่า” นายวิเชียร กล่าว

 บ่ายวันเดียวกัน กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1  จังหวัดชลบุรีได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบิน ขึ้นบินสำรวจความคืบหน้าและทิศทางการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันกว่า 70 ตัน ที่ไหลทะลักบริเวณหน้าอ่าวนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง  จากเหตุการณ์ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.ค.56 ที่ผ่านมา พบว่าคราบน้ำมันได้กระจายออกเป็น 2 สาย คล้ายจะห้อมล้อมรอบเกาะ และยังมีคราบน้ำมันบางส่วน อาจจะถูกกระแสน้ำและคลื่นลมซัดมุ่งหน้าเข้าสู่ชายฝั่ง จังหวัดระยองอีกด้วย ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไปแล้ว

 สำหรับการกำจัดคราบน้ำมันที่คลื่นและกระแสลมแรงซัดและโถมเข้าสู่ชายหาด เป็นแนวทอดยาวกว่า 600 เมตร บริเวณหน้าอ่าวพร้าวของเกาะเสม็ด โดยมีระยะห่างออกจากฝั่งไปประมาณ 20  เมตร คราบน้ำมันมีความหนาประมาณ 20-30 ซม. ทำให้ชายหาดเต็มไปด้วยคราบน้ำมันสีดำทะมึน ต้องระดมกำลังพลกว่า 300 นาย เข้าตักเก็บคราบน้ำมัน เพื่อนำมากำจัดบนฝั่ง และห่างออกไปในทะเลอีกประมาณ 200 เมตร คราบน้ำมันจะเป็นลักษณะคล้ายฟิล์มบางๆ ลอยอยู่เป็นระยะๆ 

 ส่วนบูมที่หน่วยกำจัดคราบน้ำมัน นำมาปิดกั้นมิให้ คราบน้ำมันแพร่กระจายทำงานด้วยความยากลำบาก เนื่องจากคลื่นและกระแสลมแรงมาก ทำให้คราบน้ำมันไหลทะลักข้ามบูมที่ปิดกั้นอยู่ ล่าสุดได้มีการประสานขอกำลังพลจากกองทัพเรือกว่า 600 นาย เตรียมเข้าตักคราบน้ำมันบนเกาะเสม็ดใส่ถัง เพื่อนำมากำจัดบนฝั่งต่อไปแล้ว ส่วนการกำจัดคราบน้ำมันและกลิ่นที่คละคลุ้งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

 ด้าน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล ได้เปิดการแถลงข่าวความคืบหน้าของการกำจัดคราบน้ำมัน รวม 5 ฉบับ ส่วนใหญ่กระบวนการกำจัดคราบน้ำมันกระทำอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งได้มีการติดตามและสำรวจบริเวณชายฝั่งเขาแหลมหญ้าและเกาะเสม็ด เพื่อทำการตรวจสอบและวิเคราะห์น้ำทะเล และตัวอย่างสัตว์น้ำต่างๆ เพื่อให้มั่นใจการขจัดคราบน้ำมันว่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์น้ำในทะเลต่อไป

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น